บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โดยศุภโชค ศุภบัณฑิต กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ อนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ สุกิตติ์ ตั้งมณีนิมิตร กรรมการผู้จัดการ มานิตา ภูวัฒนเศรษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และ ธนวัฒน์ จันทรปรรณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รับ 3 รางวัลยอดเยี่ยมจาก SET Awards ประจำปี 2020 ด้วยผลการดำเนินงานอันโดดเด่น ท่ามกลางสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ได้แก่ 1. รางวัลบริษัทหลักทรัพย์ด้านการให้บริการแก่นักลงทุนสถาบันยอดเยี่ยม (Securities Company Awards) 2. รางวัลธุรกรรมทางการเงินในตลาดทุนยอดเยี่ยม (Deal of the Year Award) ด้านการควบรวมกิจการ จากธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการและการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) โดยบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) และ 3. รางวัลธุรกรรมทางการเงินในตลาดทุนยอดเยี่ยม (Deal of the Year Award) ด้านการควบรวมกิจการ จากธุรกรรมการรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) นำโดยตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหุ้น เป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ ‘โออาร์’ ในฐานะหนึ่งในที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย โดยเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป เป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 3,000 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 54,000 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 208,980 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยใช้วิธีจัดสรรแบบ Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจจองซื้อได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง ส่งผลให้มีรายการจองซื้อหุ้นรวมกว่า 530,000 รายการ ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ พิธีเปิด การซื้อขายมีขึ้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จัดงาน The Year Ahead 2021 รูปแบบออนไลน์ สำหรับลูกค้า Wealth Management โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนชั้นแนวหน้าของไทยและระดับโลกร่วมให้มุมมองต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2564 รวมถึงโอกาสและความเสี่ยงสำคัญในอนาคต ภายใต้หัวข้อ Navigating the Path to Recovery อาทิ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โฮเวิร์ด มาร์กส์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนโอ๊คทรี แคปิตอล จอน คอนโกล Global Head of Blackstone Growth Equity ร่วมด้วยผู้เชี่ยวชาญของเกียรตินาคินภัทร อาทิ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ธีระพงศ์ วชิรพงศ์ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ยุทธพล ลาภละมูล และทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ เมื่อวันที่ 20-22 มกราคม 2564

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จับมือกับ AIS เปิดให้ลูกค้าแสดงตัวตน เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากผ่านระบบดิจิทัล โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาธนาคาร เป็นสถาบันการเงินรายแรก โดยบริการดังกล่าวมาจากความร่วมมือระหว่าง AIS กับบริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) ในฐานะหน่วยงานกลางที่สร้างแพลตฟอร์ม ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล เปิดตัวบริการ ‘ยืนยันตัวตนบนโลก Online’ ที่ใช้การตรวจสอบข้อมูลด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric) จากข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน ด้วยมาตรฐานระดับสากล รวมถึงมาตรฐานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ทั้งนี้ บริการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (Regulatory Sandbox) โดยเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ ณ จุดบริการ AIS ทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.co.th/ndid

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP ปรับโฉมยูนิฟอร์มพนักงานสาขาธนาคาร เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้ชื่อ ‘เกียรตินาคินภัทร’ ชูแนวคิด Simple & Elegant บ่งบอกความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพของสถาบันทางการเงินที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่า 5 ทศวรรษ ทั้งนี้ ชุดยูนิฟอร์มใหม่ออกแบบโดยคุณชำนัญ ภักดีสุข ซึ่งพัฒนาแนวคิด Simple & Elegant มาจากงานสถาปัตยกรรม ตะวันออกที่เรียบง่าย ผสมผสานกับลายเส้นแบบโมโนแกรมทันสมัยของตะวันตก โดยใช้สีหลักเป็นสีม่วงและสีเทา ตามสีของ KKP สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นสถาบันการเงินของประเทศไทย แต่เปี่ยมความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพในระดับสากล นอกจากนี้ การเปลี่ยนยูนิฟอร์มยังช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรภายหลังการประกาศใช้ชื่อร่วมกันของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา โดยพนักงานธนาคารเกียรตินาคินภัทรเริ่มใช้ยูนิฟอร์มใหม่ พร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โดยพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สำนักสื่อสารองค์กรกลุ่มธุรกิจ เป็นผู้แทนรับรางวัลหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 ซึ่งธนาคารได้รับคัดเลือกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยพิจารณาจากการเป็นบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจ ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ตลอดจนมีความโดดเด่น และเป็นต้นแบบของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม อีกทั้งยัง ยึดมั่นศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด โดยยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 บลจ.เกียรตินาคินภัทร ได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือ SSF ของกองทุนเปิดเคเคพี GLOBAL THEMATIC OPPORTUNITIES – HEDGED (KKP G-THEME-H) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุน ในต่างประเทศ แบบ Fund of Funds ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศหลายกองทุน ตัวอย่างกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนนี้ จะรวบรวมหลากหลายธีมการลงทุนที่โดดเด่นในระยะยาวไว้ในกองทุนเดียว ยกตัวอย่างเช่น ธีมการลงทุนที่เกิดจากแนวโน้ม (Trend) การเปลี่ยนแปลงสำคัญของโลก เช่น การเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยการเปิดเสนอขายกองทุน KKP G-THEME-H-SSF เป็นการเพิ่มนโยบายการลงทุนของกองทุนในกลุ่มหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมให้ครอบคลุมมากขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 10 กองทุน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่หลากหลาย และผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และตอบสนองต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เพิ่มทางเลือกการวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันชีวิต ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ KKPGEN Wealth 15/5 (Par) แบบมีเงินปันผล จ่ายเบี้ยสั้น 5 ปี คุ้มครอง 15 ปี พร้อมรับเงินคืนระหว่างสัญญา 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทุกๆ 2 ปี รวมรับผลประโยชน์ตลอดสัญญา 520% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมโอกาสรับเงินปันผลรายปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายการจัดสรรเงินปันผลที่บริษัทฯ กำหนด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างผลตอบแทนและความคุ้มครองในเวลาเดียวกัน โดยเน้นเจาะกลุ่มเจ้าของกิจการและกลุ่มคนวัยทำงานรายได้ระดับกลาง ถึงสูง ที่ต้องการวางแผนทางการเงินด้วยการแบ่งสัดส่วนเงินออมมาสะสมในระยะสั้น แต่ให้ผลตอบแทนเป็นเงินคืนระยะยาว รับประกันตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ ดังนี้ อายุ 1 เดือน ถึง 50 ปี จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ 30,000 บาท อายุตั้งแต่ 51-70 ปี จำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำ 100,000 บาท