SECTION
ABOUTBEYOUN BOUNDARIES
How Singapore Got Its Cool Back
จากประเทศเกาะเล็กๆที่หลายคนตีตราว่าน่าเบื่อ ตอนนี้สิงคโปร์ได้พลิกโฉมตัวเองมาเป็นสุดยอดผู้นำในด้านการออกแบบ ศิลปะ และความบันเทิงของภูมิภาคไปแล้ว
ศิลป์สะบัดใบ
การสร้างสิงคโปร์ให้เป็นเมืองที่ขายวัฒนธรรมได้นั้นเป็นงานที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้จากโครงการหลากหลายของรัฐบาลในขณะนี้ โดยที่น่าตื่นเต้นที่สุดน่าจะเป็นโครงการสร้าง National Gallery Singapore หรือหอศิลป์แห่งชาติที่กำหนดจะเปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ โครงการนี้เป็นโครงการที่รัฐบาลผลักดันมานานเกือบ 10 ปี และมีงบประมาณสูงถึง 530 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 13,000 ล้านบาท) แต่ที่สำคัญคือโครงการนี้ไม่ได้มีไว้แค่เพียงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้น
“เราตั้งใจให้หอศิลป์แห่งชาติทำหน้าที่ปักธงสิงคโปร์ลงบนแผนที่ศิลปะของโลก และก็ยกระดับให้เราเป็นผู้นำทางความคิดของศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน และเยาวชน ประกาศชัดเจนในงานเปิดตัวตราหอศิลป์เมื่อปีที่แล้ว
คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ จากความพยายามขายวัฒนธรรมของสิงคโปร์นี้ก็คือนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ นั่นเอง เพราะหอศิลป์แห่งใหม่ตั้งอยู่ในอาคารทรงนีโอ-คลาสสิกหลังงามซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นศาลากลาง และศาลฎีกามาก่อน โดยมีเนื้อที่จัดแสดงนิทรรศการกว้างถึง 64,000 ตารางเมตร ภายในจะเป็นที่รวบรวมศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับชั้นนำของโลกกว่า 8,000 ชิ้น พร้อมกับนิทรรศการถาวรที่จะแสดงงานศิลปะชุด Collection of Singapore และนิทรรศการหมุนเวียนที่สิงคโปร์จะร่วมจัดกับหอศิลป์ของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
แต่หมัดเด็ดของสิงคโปร์ไม่ได้มีเพียงแค่การเปิดหอศิลป์อลังการเพียงอย่างเดียว ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง สิงคโปร์เพิ่งเปิดตัว Pinacotheque de Paris หอศิลป์เอกชนใหญ่ที่สุดของปารีส ที่ข้ามนํ้าข้ามทะเลมาเปิดสาขาแรกในเอเชียที่นี่ โดยสิงคโปร์ได้มอบค่ายทหารเก่า Fort Canning Centre ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีของสวนสาธารณะ Fort Canning Park ให้เป็นที่อยู่ใหม่ของหอศิลป์แห่งนี้ โดยเพียงนิทรรศการปฐมฤกษ์ชุด Myth of Cleopatra ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ทันทีจากการจัดแสดงวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับอดีตราชินีแห่งอาณาจักรอิยิปต์โบราณผู้โด่งดัง
หอศิลป์ขนาดใหญ่ทั้งสองนี้จะมาร่วมเสริมทัพให้กับหอศิลป์ดีๆ อีกหลายแห่งของสิงคโปร์ อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์ ArtScience Museum รูปกลีบบัวข้าง Marina Bay Shoppes ซึ่งถึงแม้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะถูกคอศิลปะบางคนดูแคลนว่าจัดแสดงนิทรรศการเอาใจตลาดเกินไป แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพงานแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวนับตั้งแต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มดำเนินการมาเมื่อปี 2544 โดยมีการแสดงผลงานของศิลปินนามอุโฆษอย่าง ซัลวาดอร์ ดาลี วินเซนต์ แวน โก๊ะ แอนดี้ วอร์ฮอล และ เลโอนาร์โด ดา วินชี อยู่ไม่ขาด ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังจัดงาน Gallery Late Nights ขึ้นเดือนละครั้งในบาร์ของพิพิธภัณฑ์ ในคืนวันพฤหัสบดี ซึ่งจะมีงานสนุกๆ มากมาย ตั้งแต่ปาร์ตี้รวมของดีเจไปจนกระทั่งศิลปิน โดยจะมีการแจกส่วนลดค่าเข้าชมนิทรรศการด้วย
นอกจากนี้ก็มี Gillman Barracks หอศิลป์ของรัฐบาลอีกแห่งที่เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2555 และเป็นที่จัดนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยและกิจกรรมแปลกใหม่อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีร้านอาหารดีๆ อย่าง The Naked Finn และร้าน Red Baron รวมอยู่ด้วย โดยท่ามกลางร่มเงาไม้เขตร้อนอันเงียบสงบในสวนสาธารณะ Hort Park และ Southern Ridges รัฐบาลได้เปลี่ยนบ้านพักสีขาว และอาคารโคโลเนียลของอดีตค่ายทหารแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งรวมแกลเลอรีนานาชาติไว้ถึง 17 แห่ง ซึ่งได้แสดงผลงานของศิลปินอย่างเช่น กิลเบิร์ต แอนด์ จอร์จ ศิลปินคู่หูระดับตำนานชาวอังกฤษ แอนนี เลโบวิตซ์ ช่างภาพชื่อก้องชาวอเมริกัน และ อริญชย์ รุ่งแจ้ง ศิลปินชาวไทย จนเป็นที่กล่าวขวัญมาแล้ว
น่าสังเกตว่า การเกิดขึ้นของสถานที่เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึง “ความผาดโผน” ของวงการศิลปะสิงคโปร์ซึ่งเพียงเมื่อสองสามปีที่แล้ว แทบไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะ Gillman Barracks เองซึ่งสร้างชื่อจากการจัดงาน Art After Dark ซึ่งอยู่ในรูปของ Block Party แบบอเมริกัน ซึ่งมีทั้งดนตรี อาหาร ตลอดจนการขยายเวลาเปิดทำการของห้องศิลป์ ให้คนมาสังสรรค์กันได้เต็มที่ ชนิดที่พูดได้เลยว่าหากแอนนี เลโบวิตซ์มาเห็นเข้าก็จะต้องชอบใจ
Essentials
ศิลป์สะบัดใบ
■
National Gallery Singapore
Address 1, St. Andrew’s Road
Phone +65-6690-9400
www.nationalgallery.sg
■
Pinacotheque de Paris
Address Fort Canning Arts Centre,
Fort Canning Park
Phone +65-6883-1588
www.pinacotheque.com.sg
■
ArtScience Museum
Address 6 Bayfront Avenue
Phone +65-6688-8888
www.marinabaysands.com
■
Gillman Barracks
Address 9 Lock Road
www.gillmanbarracks.com
■
The Naked Finn
Address Block 39, Malan Road,
Gillman Barracks
+65-6694-0807
www.nakedfinn.com
■
Red Baron
Address Block 45, Malan Road
Phone +65-9637-9201
www.fb.com/redbaronsg
เยือนย่านฮิป
บรรดาอาคารศิลปะทั้งหลายที่ได้กล่าวมา ยกเว้นไว้แต่ ArtScience Museum ล้วนแต่เป็นการปรับปรุงมาจากอาคารเก่าของสิงคโปร์ทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพราะการอนุรักษ์อดีตของประเทศถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของนโยบายการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของสิงคโปร์มาตั้งแต่ช่วงปี 80 จนแทบไม่น่าสงสัยว่าทำไมย่านเมืองเก่าอย่าง Chinatown, Little India และ Arab Quarter ถึงได้กลายเป็นย่านที่น่าไปเยี่ยมเยือนที่สุดของเกาะในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้น ด้วยสถานะความเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค การฟื้นฟูรากเหง้าของตัวเองยิ่งมีความสำคัญต่อสิงคโปร์เพราะจะช่วยหล่อหลอมให้ประเทศมีภาพลักษณ์ของ “มหานคร (Metropolis)” ที่จะเทียบชั้นได้กับมหานครชื่อก้องอย่างเช่น บาร์เซโลนา หรือโตเกียว
และปรากฏว่าความพยายามอนุรักษ์นี้ก็เริ่มแสดงผลแล้วเช่นกัน ทุกวันนี้ ตึกแถวสูง 2-3 ชั้นในย่าน Chinatown และย่าน Duxton Hill ไม่เพียงแต่สวยขึ้นกล้องอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งที่กินที่เที่ยวสุดฮิปยามคํ่าคืน โดยตัวอย่างก็เช่น Sorrel ภัตตาคารที่ทำให้คนทั้งเมืองพูดถึงด้วยวัตถุดิบแสนสดและการตกแต่งจานสุดประณีต (ควรจองล่วงหน้า) หรือบาร์อาหารย่างอย่าง Burnt Ends ของเชฟ เดวิด พินท์ ที่เพิ่งได้รับเลือกให้ติดอันดับ 30 ในการจัดอันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมที่สุดแห่งเอเชียในปีนี้ นอกจากนั้น ย่านนี้ยังเป็นแหล่งค็อกเทลเลิศลํ้าของสิงคโปร์ ไม่ว่าจะค็อกเทลของบาร์แต่งเรียบสวยอย่าง Jigger and Pony และ Tippling Club หรือบาร์แบบ Speakeasy อย่าง Spiffy Dapper ซึ่งลูกค้าจะหาเจอก็ต่อเมื่อเดินขึ้นบันไดโทรมๆ แถว Amoy Street ไปจนถึงประตูที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ บอกชื่อร้าน ขณะที่ย่าน Arab Quarter ก็มี ร้าน Blu Jaz และ ร้าน Long Play เป็นสวรรค์ของคนรักเสียงเพลง และอาหารจานอร่อย
การปัดฝุ่นย่านเก่าให้ส่องประกายขึ้นมาอีกรอบนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ย่านกลางเมืองเท่านั้น ย่านที่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของความ “แนว” ของสิงคโปร์ในวันนี้ก็คือ ย่าน Tiong Bahru ซึ่งเป็นบริเวณย่านที่อยู่อาศัยแบบการเคหะที่ตกแต่งในแบบ Art-Deco ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 40 และได้รับการขนานนามจากนิตยสาร Thrillist และนิตยสาร Vogue ว่าเป็นย่านที่ “ฮิป” ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะเต็มไปด้วยคาเฟ่เท่ๆ และร้านขายของดีไซน์สวยมีเอกลักษณ์ (อย่างเช่น ร้านกาแฟ 40 Hands ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2553) อีกทั้งรุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่ใดในสิงคโปร์
“นักท่องเที่ยวทั่วไปมักจะคิดว่าสิงคโปร์มีแต่ตึกสร้างจากเหล็ก และกระจกที่หน้าตาเหมือนๆ กันหมด และทันใดนั้นพวกเขาก็จะได้เจอย่านอย่าง Tiong Bahru ที่มีตึก Art-Deco สวยๆ มีตรอกเล็กตรอกน้อยน่ารักที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านขายขนมปัง และร้านขายหนังสือ แทรกตัวอยู่กับร้านอาหารพื้นเมืองยอดนิยม” แฮร์รี โกรเวอร์ ผู้ก่อตั้งร้านกาแฟชื่อดังอย่าง 40 Hands และโรงคั่วเมล็ดกาแฟ Common Man Coffee Roasters ให้ความเห็น
ทุกวันนี้ ร้าน 40 Hands มีเพื่อนใหม่มาร่วมย่านอีกมากมาย เช่นร้านหนังสืออิสระ Books Actually และหนึ่งในร้านเบเกอรีที่อร่อยที่สุดของสิงคโปร์อย่าง Tiong Bahru Bakery เรียกได้ว่ามาถึงย่านนี้แล้ว เราสามารถใช้เวลาทั้งวันเดินสำรวจร้านที่แข่งกัน “แนว” แถวนี้ได้อย่างไม่รู้เบื่อ จนไม่มีเวลาได้แวะ Zara หรือ Starbucks เลยทีเดียว
เยือนย่านฮิป
■
Sorrel
Address 21 Boon Tai Street
Phone +65-6221-1911
www.sorrel.sg
■
Burnt Ends
Address 20 Teck Lim Road
Phone +65-6224-3933
www.burntends.com.sg
■
Tippling Club
Address 38 Tanjong Pagar Road
Phone +65-6475-2217
www.tipplingclub.com
■
Spiffy Dapper
Address 2nd Floor, 73 Amoy Street
Phone +65-8233-9810
www.spiffydapper.com
■
Blu Jaz
Address 11 Bali Lane, Historic
Gampong Glam
Phone +65-9199-0610
www.fb.com/blujazcafe
■
Long Play
Address 4 Haji Lane
Phone +65-6291-3323
www.longplay.sg
■
40 Hands
Address 78 Yong Siak Street
Phone +65-6225-8545
www.40handscoffee.com
■
Books Actually
Address 9 Yong Siak Street
Phone +65-6222-9195
www.booksactually.com
■
Tiong Bahru Bakery
Address 56 Eng Hoon Street
Phone +65-6220-3430
www.tiongbahrubakery.com
ผมคิดว่านักท่องเที่ยวจะต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าวงการออกแบบและชุมชนศิลปะในสิงคโปร์ใหญ่แค่ไหน
ดงดีไซน์
แม้การอนุรักษ์ย่านเก่าจะเป็นของที่ไม่เลวนัก แต่สิงคโปร์เองก็ตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องหาทางกระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่จะผลักดันประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย เพราะเหตุนี้ ในกระบวนการแปลงโฉมประเทศ การออกแบบและความคิดสร้างสรรค์จึงถูกให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นแง่มุมของสิงโปร์ที่คนไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ผมคิดว่านักท่องเที่ยวจะต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่า วงการออกแบบและชุมชนศิลปะในสิงคโปร์ใหญ่แค่ไหน” เอลวิน เซียะ ผู้จัดงาน MADD หรือตลาดนัดงานออกแบบสร้างสรรค์ประจำเดือนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลภายใต้โครงการชุมชนคนสร้างสรรค์สิงคโปร์ (Creative Community Singapore Program) กล่าว โดยงานนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักออกแบบรุ่นหนุ่มสาว นับตั้งแต่เริ่มจัดงานมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2549 “ผมว่ามันน่าปลื้มนะที่ได้เห็นแง่มุมอื่นๆ ของสิงคโปร์อย่างนี้”
จุดเริ่มชมงานที่ดีก็คือการไปเยี่ยม “บ้าน” ของงาน MADD คือ Red Dot Design Museum อดีตสำนักงานตำรวจจราจรสีแดงเหมือนตู้ไปรษณีย์ที่ได้เปิดทำการมาเมื่อปี 2548 และปัจจุบันกลายมาเป็นสวรรค์ของนักออกแบบที่รวบรวมงานออกแบบผลิตภัณฑ์และงานออกแบบนิเทศศิลป์กว่า 1,000 ชิ้นมาจากทั่วโลก
ผู้ชื่นชอบงานดีไซน์สามารถไปเยี่ยมชม National Design Centre อีกหนึ่งสถานแสดงงานดีไซน์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลที่เปิดขึ้นเมื่อปีกลายและเตรียมทำหน้าที่เป็นแหล่งฟูมฟักและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของสิงคโปร์ นอกจากนั้นสำนักงานใหญ่ของ Singapore Design Council ที่รับหน้าที่จัดงาน Singapore Design Week เป็นประจำทุกปี ก็กำลังจัดงานนิทรรศการ Fifty Years of Singapore Design ซึ่งเน้นแสดงนวัตกรรมการออกแบบชิ้นสำคัญของสิงคโปร์นับแต่เป็นเอกราชมาจนถึงปัจจุบัน โดยจะจัดแสดงไปจนถึงสิ้นปีนี้
อีกหนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้สำหรับสำรวจงานออกแบบท้องถิ่นดีๆ ก็คือร้าน Keepers ซึ่งอยู่ใจกลางแหล่งช็อปปิ้งอย่าง Orchard Road โดยร้านนี้เดิมเปิดเป็น ร้าน Pop-up ชั่วคราว ก่อนจะกลายสภาพมาเป็น Concept store ที่เราสามารถเข้าไปเลือกเสื้อผ้า และสินค้าต่างๆ จากแฟชั่นดีไซเนอร์และศิลปินชั้นนำของสิงคโปร์กว่า 50 คน
จากกระแสความเปลี่ยนแปลงสดใหม่ที่ได้กล่าวมาทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าปีนี้จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับสิงคโปร์ ถึงขนาดว่าอาจเป็นปีที่สิงคโปร์สามารถสลัดภาพของความเป็นประเทศน่าเบื่อทิ้งไปได้สำเร็จ และพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่าสิงคโปร์นั้นมีอะไรมากกว่าตึกสูง คาสิโน หรือ Resorts World Sentosa โดยหากสิงคโปร์ทำได้ ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะนี่คือประเทศที่ไม่เพียงทะนุถนอมวัฒนธรรมและรากเหง้าของตัวเอง แต่ยังมองไปยังอนาคตด้วยวิสัยทัศน์ อันเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย
ดูเหมือนไม่มีเวลาไหนเหมาะเจาะกว่านี้อีกแล้วที่เราจะจับจองตั๋วเครื่องบินราคาดีสักใบและไปเยี่ยมโฉมใหม่ของสิงคโปร์อีกสักครั้งหนึ่ง ■
ดงดีไซน์
■
Red Dot Design Museum
Address 28 Maxwell Road
Phone +65-6327-8027
www.museum.red-dot.sg
■
National Design Centre
Address 111 Middle Road
Phone +65-6333-3737
www.designsingapore.org
■
Keepers
Address Junction of Cairnhill Road
and Orchard Road
Phone +65-8299-7109
www.keepers.com.sg