HOME ISSUE

SECTION

ABOUT

SERVING YOU


เมื่อการลงทุนแต่เพียงในประเทศอาจไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดอีกต่อไป

ถึงเวลานักลงทุนไทยออกไปลงทุน ‘นอกบ้าน’ กับบริการ Global Investment Service (GIS)

     เป็นเวลานานมาแล้วที่คนไทยสามารถเลือกซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่ตอบโจทย์รสนิยมและความต้องการได้โดยไม่ถูกจำกัดโดยพรมแดน เราสามารถหาซื้อเมล็ดกาแฟจากบราซิล กระเป๋าจากสหรัฐ เครื่องครัวจากญี่ปุ่น หรือเฟอร์นิเจอร์จากสวีเดนได้ครบจากการเดินห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเพียงแห่งเดียว แต่ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนในต่างประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา สินทรัพย์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้กลายมาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเลือกหาได้จากทั่วโลกเพื่อให้ตอบสนองแนวทางการลงทุนได้อย่างหลากหลายกว่าเดิม

     นี่คือที่มาของ Global Investment Service (GIS) บริการพานักลงทุนไทยไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ จากบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เราพูดคุยกับณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล เพื่อเผยให้เห็นขอบเขตใหม่ของการลงทุนที่เหนือกว่าด้วยโอกาสสร้างผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ที่หาไม่ได้ในประเทศ

โอกาสในตลาดใหญ่

     ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของประเทศไทยที่คิดเป็นเพียง 0.6% เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั่วโลก สะท้อนให้เห็นพื้นที่สำหรับการลงทุนนอกประเทศที่ยังเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนไทย ไม่ว่าในแง่ของผลิตภัณฑ์ ภูมิภาค หรือสินทรัพย์ กระนั้น ดูเหมือนยังมีนักลงทุนเพียงจำนวนไม่มากที่ตระหนักถึงโอกาสนี้

     “นักลงทุนโดยทั่วไปจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความติดบ้าน’ หรือ Home Country Bias อยู่ คือถึงแม้โอกาสข้างนอกประเทศจะดีอย่างไรก็ตาม แต่ถ้ารู้สึกไม่คุ้นเคย รู้สึกว่าติดตามยาก สุดท้ายก็มักจะลงทุนเฉพาะภายในประเทศตัวเอง ยิ่งในรอบสัก 10 กว่าปีที่ผ่านมา หุ้นไทยก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก โอกาสตรงนี้เลยอาจถูกมองข้ามไป”

     อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะตลาดในประเทศที่ให้ผลตอบแทนต่ำในปัจจุบัน การมองข้ามโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ย่อมหมายถึงการพลาดโอกาสในการหาผลตอบแทนจากแหล่งที่ดีกว่า โดยณฤทธิ์ได้ยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพได้ง่ายๆ

     “อย่างตอนนี้ ถ้าเรารู้สึกว่าคนอายุยืนมากขึ้น ธุรกิจนวัตกรรมการรักษาพยาบาล หรือไบโอเทคโนโลยีต่างๆ น่าจะเติบโตไปได้ดี แต่พอมองตลาดหุ้นไทย เราจะพบว่าไม่มีหุ้นพวกนี้ให้ซื้อ ใครอยากซื้อหุ้น Google หรือ Facebook เมืองไทยก็ไม่มีให้เขาซื้อเหมือนกัน

     ...แม้บางอุตสาหกรรมอาจจะมีอยู่แล้วในตลาดไทย แต่ราคาของหุ้นอาจไม่ใช่ราคาที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน เช่นในตลาดไทย หุ้นบริษัทพลังงานที่น่าสนใจอาจขายกันอยู่ที่ราคา P/E 11 เท่า แต่บางครั้งในตลาดต่างประเทศ บริษัทพลังงานที่ใหญ่กว่านั้น สายการผลิตครบกว่านั้น อาจขายที่ P/E ไม่ถึง 10 เท่า”

บริการ Global Investment Service (GIS) จากบล. ภัทร ถือเป็นตัวเชื่อมที่จะพานักลงทุนไทยให้ออกไปตักตวงโอกาสข้างนอกได้โดยไม่ต้องไกลจากบริการที่มั่นใจ

ทางเลือกที่หลากหลาย

     อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายของหุ้นและราคาหุ้น ไม่ใช่สิ่งเดียวที่น่าดึงดูดใจสำหรับต่างประเทศ ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะคุ้นเคยกับการลงทุนเฉพาะในสินทรัพย์พื้นฐานอย่างหุ้น หุ้นกู้ ตราสาร ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร หรือตั๋วเงิน พัฒนาการทางการเงินที่สูง ทำให้ตลาดต่างประเทศเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินซับซ้อนที่ยังไม่มีในประเทศไทย

     ณฤทธิ์ยกตัวอย่างสถานการณ์ตลาดทรงตัว ซึ่งในตลาดไทย ไม่ว่านักลงทุนจะมีมุมมองเกี่ยวกับตลาดอย่างไร ก็เป็นการยากที่นักลงทุนจะได้กำไรจากการซื้อขายหุ้นเพราะราคาของหุ้นไม่ขยับมากนักในความเป็นจริง แต่ในต่างประเทศ นักลงทุนอาจซื้อผลิตภัณฑ์เช่น หุ้นกู้ Equity-Linked Notes (ELN) ซึ่งออกแบบมาให้ให้ดอกเบี้ยสูงแก่นักลงทุนที่มี ‘มุมมอง’ ที่ถูกต้องว่าราคาหุ้นที่เป็นสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ของหุ้นกู้ชนิดนี้จะขยับในช่วงราคาใด ณ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง นักลงทุนจึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงได้แม้จากตลาดที่ราคาหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

     “เมืองนอกมีนวัตกรรมแบบนี้หรือหลากหลายกว่านี้เยอะเลย ดังนั้นเศรษฐกิจจะดี ไม่ดี หรือทรงๆ ตัวอย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่นักลงทุนมีมุมมองบางอย่างที่ถูกต้องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เราสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้”

     ยิ่งกว่านั้น แม้ไม่พูดถึงเรื่องความแตกต่างของผลตอบแทนการลงทุน ความผันผวนในทางการเมืองและเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การเก็บไข่ทุกใบไว้ในประเทศๆ เดียว ไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยอีกต่อไป การใช้ความหลากหลายของภูมิภาค สินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่สกุลเงินของการลงทุนในต่างประเทศ สามารถช่วยปรับพอร์ตการลงทุนให้ทนทานต่อภาวะผันผวนได้มากขึ้น

     “หลักการคือแต่ละคนมีความต้องการทางการลงทุนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ค่อนข้างเหมือนกันคือทุกคนไม่ชอบความผันผวน และต้องการให้ผลตอบแทนเป็นบวกในระยะยาว ดังนั้น ยิ่งเราหาประเภทการลงทุนที่ไม่มีความสัมพันธ์กันมาผสมอยู่ในพอร์ตได้มากเท่าไหร่ คือการลงทุนอันใดอันหนึ่งราคาขึ้น อันอื่นอาจจะไม่ขึ้นตาม แต่ในระยะยาวทุกอันให้ผลตอบแทนเป็นบวก ก็จะทำให้โดยรวมพอร์ตให้ผลตอบแทนที่ดีได้โดยไม่ต้องเผชิญภาวะขึ้นๆ ลงๆ ให้ตกใจ การลงทุนในหลายประเทศ หลายภูมิภาค จึงเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมในเรื่องพวกนี้ เพราะบางช่วงเศรษฐกิจแถวเอเชียดีมาก แต่แถวยุโรปไม่ค่อยดี กลับกัน พอยุโรปดี เอเชียอาจจะแผ่วไปหน่อย มันไม่มีความสัมพันธ์กัน

     …เราไม่ควรมีความมั่งคั่งทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินบาท ควรจะมีการกระจายความเสี่ยงไปในเงินสกุลหลักๆ จะเป็นดอลลาร์ ยูโร หรือเยนก็ได้ ยิ่งถ้าเรามีไลฟ์สไตล์ชอบกินหรือใช้ของที่มีราคาเป็นเงินต่างประเทศ เราก็ควรลงทุนเป็นเงินสกุลต่างประเทศด้วย เพื่อรักษาอำนาจซื้อ ไม่ให้เราเสียเปรียบในทางค่าเงิน” ณฤทธิ์อธิบายก่อนยกตัวอย่างสมัยวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่คนที่ซื้อรถยนต์หรูด้วยเงินไทยจะเสียอำนาจซื้อไปเกือบครึ่งหนึ่งทันทีเมื่อค่าเงินบาทลอยตัว

ใกล้กว่ารู้ใจกว่า

     เมื่อพิจารณาข้อดีของการลงทุนในต่างประเทศ ประกอบกับการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในเรื่องมาตรการควบคุมเงินทุน (Capital Control) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศแม้ในการลงทุนประเภทที่มีความซับซ้อน เช่น อนุพันธ์ Hedge Fund หรือ Private Equity ได้ ปัจจุบันจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยสำหรับนักลงทุนไทยที่ยังไม่คุ้นเคยกับการออกไป ‘นอกบ้าน’ ด้วยตัวเอง บริการ Global Investment Service (GIS) จากบล. ภัทร ถือเป็นตัวเชื่อมที่จะพานักลงทุนไทยให้ออกไปตักตวงโอกาสข้างนอกได้โดยไม่ต้องไกลจากบริการที่มั่นใจ

     “ภัทรเราเป็นองค์กรที่เชื่อเรื่อง Globalization มาตั้งแต่ต้นว่าทุกอย่างต้องถูกพัฒนาไปในมาตรฐานโลก โดยไม่จำกัดด้วยเรื่องพรมแดน ดังนั้น เราจึงเชื่อว่านักลงทุน ก็ไม่ควรจะถูกจำกัดอยู่เพียงการลงทุนในประเทศ พอกฎเกณฑ์เปิด เราจึงหาวิธีบริการลูกค้าโดยให้ผลประโยชน์ดีที่สุด ซึ่งนำไปสู่การจับมือกับไพรเวตแบงค์ระดับโลกที่เชี่ยวชาญบริการในด้านนี้เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนในต่างประเทศได้บนแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด

     …แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อยู่กับลูกค้าที่ใช้บริการ Wealth Management ของเรามายาวนานเป็น 10-20 ปี ทำให้เรารู้จักลักษณะธุรกิจ ความต้องการ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการลงทุนของเขาในช่วงวงจรเศรษฐกิจต่างๆ เป็นอย่างดี จนสามารถให้คำแนะนำที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาได้ เช่น ลูกค้าบางคนตกใจง่าย เวลาเจอวิกฤต ขายหมดเลย ทั้งๆ ที่มันอาจเป็นเวลาที่แย่ที่สุดในการขาย เราก็จะรู้ และช่วยป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้

     …พูดอีกอย่างก็คือสิ่งต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบบริการของภัทร ไม่ว่าจะเป็นบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ การแนะนำการลงทุนแบบ Open Architecture หรือแม้กระทั่งบุคลากรที่คุ้นเคยและมีความเข้าใจลูกค้า สิ่งเหล่านี้ลูกค้าจะได้เหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมคือทางเลือกที่กว้างขวาง และไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป”

     ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วฉับพลันของโลกยุคดิจิตัล และความไม่แน่นอนในสถานการณ์การเมืองโลกและไทย การลงทุนที่หลากหลายย่อมหมายถึงการกระจายความเสี่ยงและการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยในเมื่อกฎเกณฑ์ได้ถูกผ่อนคลายลงและมีบริการที่เชื่อถือได้ช่วยเชื่อมต่อการลงทุนในมาตรฐานโลก คงไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคสำหรับคนไทยที่ต้องการลงทุนโดยไร้ข้อจำกัดด้านพรมแดนอีกต่อไป

     Global Investment Service (GIS) จึงเป็นถือยุคใหม่แห่งการลงทุนของคนไทยโดยแท้จริง

     สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ Global Investment Service (GIS) ได้ที่ 02-305-9449