SECTION
ABOUTSERVING YOU
KK SME คูณ 3
สินเชื่อที่ให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน เพื่อปลดล็อคศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกนโยบายหลากหลายเพื่อยกระดับธุรกิจเอสเอ็มอีของประเทศให้เติบโตและมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยมุ่งหวังว่าความสำเร็จของเอสเอ็มอีเหล่านี้จะกลับมาเป็นฐานรากที่มั่นคงของเศรษฐกิจต่อไป เพื่อตอบรับต่อความคึกคักที่เกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ ธนาคารเกียรตินาคินจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME คูณ 3 เพื่อเป็นคำตอบด้านเงินทุนสำหรับเจ้าของกิจการเอสเอ็มอีที่ต้องการต่อยอดธุรกิจให้ไปได้ไกลกว่าเดิม
ทางเลือกสำหรับรายย่อย
ธุรกิจประเภทเอสเอ็มอีนั้นคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของ GDP ประเทศ และมีบทบาทสำคัญในฐานะซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และแหล่งสร้างงานและกระจาย รายได้ให้กับชุมชน อย่างไรก็ตาม หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก็คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบอย่าง เพียงพอ ทำให้หลายครั้งเอสเอ็มอีเหล่านี้ต้องปล่อยโอกาสทางธุรกิจให้หลุดมือเนื่องจากไม่มีเงินลงทุนซื้อเครื่องจักรหรือจ้างบุคลากรที่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ต้อง กู้ยืมเงินนอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงเกินจริง จนเสียความสามารถในการแข่งขัน ธนาคาร เกียรตินาคินนั้นเล็งเห็นถึงความต้องการ ดังกล่าว จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME คูณ 3 มาเพื่อสร้างโอกาสให้กับเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพ ดังเป็นไปตามคำบอกเล่า ของภัทรพงศ์ รักตะบุตร ประธานสายช่องทาง การตลาดและพัฒนาฐานลูกค้า ธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME คูณ 3 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถนำอสังหา- ริมทรัพย์ อาทิ บ้าน อาคาร สำนักงาน โรงงาน ที่ดิน หรือกระทั่งคอนโดมิเนียม มาประเมินราคาเพื่อใช้เป็นหลักประกัน
“ขณะนี้เราเห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลมีโครงการเพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพโปรแกรม ไปจนถึงนโยบายลดค่าธรรมเนียมของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารเกียรตินาคินเองก็มองว่านี่คือตลาดที่ใหญ่ และนับวันมีแต่จะทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเงินทุนของลูกค้าในแต่ละ segment ของเอสเอ็มอีให้ได้อย่างชัดเจน”
อสังหาริมทรัพย์คือขุมทรัพย์
ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME คูณ 3 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำอสังหาริมทรัพย์ อาทิ บ้าน อาคารสำนักงาน โรงงาน ที่ดิน หรือกระทั่งคอนโดมิเนียม มาประเมินราคาเพื่อใช้เป็นหลักประกัน โดยธนาคารสามารถให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 3 เท่าของหลักทรัพย์ที่นำมาใช้เป็นหลักประกัน ทั้งนี้ไม่เกิน 15 ล้านบาท นอกจากนั้น ผู้ประกอบการยังสามารถใช้การค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ด้วย
“ตลาดสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตขึ้นกว่า 7% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่ายังมี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกหลายรายที่มีความสามารถในการขอสินเชื่อ แต่ยังไม่มีสินเชื่อกับธนาคารเกียรตินาคิน หรือบางทีอาจเป็นลูกค้าของธนาคารอยู่แล้ว แต่ยังต้องการวงเงินเพิ่มเพื่อใช้ขยายกิจการหรือสร้างเงินทุนหมุนเวียน เช่น ลูกค้าสินเชื่อ ‘KK SME รถคูณ 3’ ของเราซึ่งมีวงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทอยู่แล้ว แต่อยากหาเงินทุนเพิ่ม ดังนั้นผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยให้ธนาคารตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอส-เอ็มอีเหล่านี้ได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น” ภัทรพงศ์กล่าว
ทีมที่ปรึกษาเฉพาะด้าน
ภัทรพงศ์บอกว่าธนาคารได้จัดเตรียมทีม Relationship Management (RM) เพื่อดูแลและให้คำปรึกษาใกล้ชิดแก่ผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกค้าสินเชื่อ KK SME คูณ 3 ตลอดระยะเวลาสินเชื่อ โดยบุคลากรเหล่านี้จะทำหน้าที่วิเคราะห์ธุรกิจตลอดจนความต้องการเฉพาะด้านของลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำและจัดสรรวงเงินให้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้น หากลูกค้าต้องการใช้บริการในด้านอื่นๆ ของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร อาทิ การเพิ่มวงเงินสินเชื่อ การขยายธุรกิจ ทีม RM ก็สามารถประสานกับฝ่ายอื่นๆ ให้ดูแลลูกค้าต่อได้อย่างราบรื่นและเปี่ยมความสะดวก
เงื่อนไขการขอสินเชื่อ
วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ KK SME คูณ 3 นั้นครอบคลุมถึงการขอวงเงินเพื่อใช้ในการหมุนเวียนต่างๆ ในกิจการ การซื้อทรัพย์ และการรีไฟแนนซ์วงเงินจากธนาคารอื่นๆ โดยประกอบด้วยวงเงินถึง 3 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อประเภทเงินกู้แบบมีระบบเวลา (Term Loan) สินเชื่อเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft) และหนังสือค้ำประกัน (LG) อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีคุณสมบัติในการยื่นขอสินเชื่อนั้น จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์หรือนิติบุคคลมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นถึง 20 ปี โดยธนาคารรับผิดชอบค่าธรรมเนียม บสย. ให้ ตลอดอายุสินเชื่อ
ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KK Contact Center โทร. 02-165-5555 หรือ www.kiatnakin.co.th/th/sme/loan/sme-x3 ■