HOME ISSUE

SECTION

ABOUT

SERVING YOU


Making the Right Call

ผลิตภัณฑ์ Foreign Structured Note หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่ช่วยสร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยยังคงเงินลงทุนไว้ในรูปสกุลบาท

ปัจจุบัน การลงทุนในต่างประเทศกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้นอกจากทางเลือกอย่างการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) หรือบริการพานักลงทุนไปลงทุนในต่างแดน (Global Investment Service) แล้ว ล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บล.ภัทร ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Foreign Structured Note หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ในต่างประเทศ ที่ช่วยให้นักลงทุนยังสามารถคงเงินลงทุนไว้ในรูปสกุลบาท เพื่อเพิ่มทางเลือกที่มากขึ้นสำหรับการลงทุนในต่างแดน

ทำไมนักลงทุนจึงออกไปลงทุนในต่างประเทศ

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากประเด็นสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ความขัดแย้งทางการเมือง ไปจนถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัว การกระจุกตัวของสินทรัพย์ในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจมอบผลตอบแทนไม่น่าดึงดูด หรือกระทั่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน ทำให้นักลงทุนไทยจำนวนมากมองหาทางเลือกการลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แบบ offshore การลงทุนในกองทุนรวม FIF (Foreign Investment Fund) การจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ไปจนถึงการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Foreign Structured Note หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ในต่างประเทศที่ออกโดยบล.ภัทร ซึ่งมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเหมือนการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ แต่เงินลงทุนจะยังอยู่ในประเทศในรูปของสกุลบาท ทำให้ลดภาระความยุ่งยากจากการแลกเปลี่ยนเงินตราทั้งขาไปและกลับ อีกทั้งเป็นทางเลือกการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับมุมมองหลากหลาย

ประเภทของ Foreign Structured Note

ปัจจุบัน Foreign Structured Note ของบล.ภัทร สามารถออกแบบให้อ้างอิงกับหุ้นขนาดใหญ่และกองทุนรวม ETF ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ​ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนสามารถเลือกซื้อ Foreign Structured Note ที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อาทิ Nasdaq 100 หรือ Dow Jones Industrial Average ได้ โดยในระยะแรกนั้น บล.ภัทรนำเสนอขาย Foreign Structured Note หลักๆ อยู่ 2 ประเภท คือ Equity Linked Note (ELN) และ Autocallable Fixed Coupon Note

ในกรณีของ Equity Linked Note ในวันแรกนักลงทุนจะซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว หรือที่นิยมเรียกว่าราคาใช้สิทธิ และเมื่อครบกำหนดอายุ หากราคาหุ้นอ้างอิงนั้นขึ้นไปสูงกว่าหรือเท่ากับราคาใช้สิทธิดังกล่าว ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินตามมูลค่าหน้าตั๋ว ในทางกลับกัน หากในวันสุดท้ายราคาหุ้นนั้นลงไปต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ นักลงทุนจะได้รับเงินกลับไปในจำนวนเทียบเท่ากับราคาปิดของหุ้น ณ วันครบกำหนดอายุ ซึ่งจะต่ำกว่ามูลค่าหน้าตั๋ว Structured Note ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะไม่ต่ำไปกว่าราคาใช้สิทธิ ณ วันครบกำหนดอายุ

บล.ภัทรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ Structured Note มากว่า 10 ปี และปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ราว 40-50% สำหรับ Structured Note ที่อ้างอิงบนหุ้น

ขณะที่ Autocallable Fixed Coupon Note นั้นมีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนเป็นรอบๆ และชำระคืนเงินต้นที่อ้างอิงกับราคาหุ้น 1-5 ตัว โดยมีการกำหนดระดับราคา Knock-in และระดับราคา Knock-out เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดเงื่อนไขในการให้ผลตอบแทนของนักลงทุนตลอดระยะเวลาการลงทุน และลักษณะการจ่ายผลตอบแทนนั้นเป็นได้ 3 กรณี คือหนึ่ง กรณีที่เกิดเหตุการณ์ Knock-out ซึ่งราคาหุ้นอ้างอิงทุกตัวพุ่งขึ้นไปสูงกว่า หรือเท่ากับระดับราคา Knock-out ที่กำหนดไว้ ในวันสำรวจราคา (Knock-out Observation Date) นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนและเงินต้นคืนก่อนวันครบกำหนดอายุตราสาร ในทางตรงกันข้าม หากไม่เกิดเหตุการณ์ Knock-out แต่เกิดเหตุการณ์ Knock-in กล่าวคือ ราคาปิดของหุ้นอ้างอิงตัวใดตัวหนึ่งลงไปแตะที่ราคาต่ำกว่าระดับ Knock-in ในวันสำรวจราคา Knock-in (Knock-in Observation Date) ผลตอบแทนของนักลงทุนจะถูกตัดสินในวันกำหนดค่าหลักทรัพย์ โดยหากราคาปิดของหุ้นทุกตัวนั้นสูงกว่าหรือเท่ากับราคาใช้สิทธิในวันดังกล่าว นักลงทุนจะยังได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนพร้อมผลตอบแทนตามรอบ แต่หากหุ้นอ้างอิงตัวใดตัวหนึ่งลงไปปิดต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ นักลงทุนจะได้เงินคืนเท่ากับราคาปิดของหุ้นอ้างอิงตัวที่ราคาต่ำที่สุด ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าหน้าตั๋ว ส่วนในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ Knock-in หรือ Knock-out เลยตลอดอายุตราสาร นักลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนตามรอบ ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท และการคิดผลตอบแทนทั้งหมดจะคำนวณเป็นสกุลเงินตามหลักทรัพย์อ้างอิง เช่น ถ้าอ้างอิงกับหุ้น Facebook ก็จะคำนวณเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ผู้เชี่ยวชาญด้าน Structured Note

บล.ภัทรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ Structured Note มากว่า 10 ปี และปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ราว 40-50% สำหรับ Structured Note ที่อ้างอิงบนหุ้น จึงได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากบล.ภัทร จะนำเสนอมุมมองแก่นักลงทุนว่าหุ้นตัวใดเหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะนั้น ผ่านความร่วมมือกับทีมที่ปรึกษาส่วนกลางหรือ Chief Investment Office เพื่อให้คำแนะนำการลงทุนเป็นไปอย่างสอดคล้องและมีมาตรฐาน หรือในกรณีที่นักลงทุนมีหุ้นเฉพาะตัวที่สนใจอยู่แล้ว ก็สามารถออกแบบ Structured Note ให้สอดรับกับมุมมองและระยะเวลาการลงทุนที่ต้องการได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีของ Foreign Structured Note นั้น บล.ภัทรเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่ทำหน้าที่ผลิตและเสนอขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยตรง นับตั้งแต่กระบวนการเลือกหุ้นอ้างอิง ไปจนถึงการออกผลิตภัณฑ์ และป้องกันความเสี่ยง ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย Foreign Structured Note ได้ทันที

ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-305-9449