HOME ISSUE

SECTION

ABOUT

THE GOOD LIFE


บริการ anti-aging ที่ทุกคนพูดถึง มีอะไรมากกว่าโบท็อกซ์และศัลยกรรม

ท่ามกลางการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ธุรกิจมาแรงอย่างคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยนั้นมาพร้อมข้อเสนอที่ลงลึกกว่าชั้นผิวหนัง

      เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ความงามอยู่ที่สายตาของผู้มอง” แต่นั่นคงเป็นเพราะผู้พูดไม่เคยได้ลิ้มลองเวชศาสตร์แห่งการชะลอวัย (Anti-Aging Medicine) นับเป็นเวลานับร้อยปีมาแล้ว ที่คนไทยเรารู้จักแสวงหาหนทางขจัดร่องรอยแห่งกาลเวลา ทั้งด้วยการชะโลมน้ำมันมะพร้าวบำรุงผิวทั่วเรือนร่าง พอกหน้าด้วยมะละกอกับมะขาม หรือสระผมด้วยมะกรูด กระทั่งคนไทยในปัจจุบันก็คุ้นเคยดีกับการฉีดโบท็อกซ์ การอบซาวน่าอินฟราเรดขับเหงื่อ หรือการรับประทานอาหารเสริมกำใหญ่ ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อยืดเวลาแห่งความอ่อนเยาว์ของชีวิต

     กระแสการแสวงหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยในปัจจุบัน เกิดขึ้นในเวลาที่จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติของธนาคารโลก ในปี 2559 ประชากรไทย 7.5 ล้านคน (นับเป็น 11% ของประชากรทั้งหมด) มีอายุ 65 ปีหรือมากกว่า และภายในปี 2583 ประชากรไทย 17 % หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมดจะเข้าสู่วัยสูงอายุ ในขณะเดียวกัน ความสนใจในเทคโนโลยีชะลอวัยก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์คาดการณ์ว่าภายในปี 2563 มูลค่าของธุรกิจประเภทนี้จะเติบโตสูงถึง 9.7 ล้านล้านบาท จาก 6.8 ล้านล้านบาทในปี 2556

ลึกกว่าชั้นผิว

     เวชศาสตร์การชะลอวัยนั้นเริ่มเป็นที่นิยมในบ้านเรา หากวัดจากบรรดาศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยที่เบ่งบานในกรุงเทพฯ อาทิ Royal Life หรือศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยของโรงพยาบาลกรุงเทพ Vitallife หรือศูนย์ส่งเสริมสุขภาพประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตลอดจนคลินิก Verita Health MahaNakhon ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเข้าร่วมแย่งชิงส่วนแบ่งในธุรกิจกำไรเป็นกอบเป็นกำนี้

หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรหรือการชะลอวัยคืออะไร ผมต้องใช้เวลาเยอะมากอธิบายให้คนเข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของผิวหนัง

     กระนั้น ก็ยังมีคำถามคาใจว่า เวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งบางทีเรียก ‘เวชศาสตร์ฟื้นฟูภาวะเสื่อม’ (Regenerative Medicine) หรือ ‘เวชศาสตร์ป้องกัน’ (Preventive Medicine) นั้นคืออนาคตของการดูแลสุขภาพจริงอย่างที่สถาบันเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูภาวะเสื่อมแห่งอเมริกา (American Academy of Anti-Aging and Regenerative Medicine) กล่าวอ้าง หรือจะเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ หรือแม้กระทั่งเป็นโทษ ดังที่แพทย์แผนปัจจุบันหลายๆ คนสงสัย

     อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปที่คำถามนั้น 
สิ่งที่ต้องตอบให้ได้ก่อนก็คือเวชศาสตร์ชะลอวัยคืออะไร นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยรอยัลไลฟ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ เล่าว่าเขาเองถูกถามคำถามนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน “หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรหรือการชะลอวัยคืออะไร ผมต้องใช้เวลาเยอะมากอธิบายให้คนเข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของผิวหนัง” นายแพทย์วัย 35 ปี ผู้มีใบหน้าอ่อนกว่าอายุกล่าว

     ความจริงแล้ว ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยอย่างรอยัลไลฟ์นั้นเป็นผลพวงของไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ซึ่งคนทำงานหนักพักผ่อนน้อย ใช้เวลาเครียดมากกว่าใช้เวลาหลับ ซ้ำยังพยายามแก้เครียดด้วยวิธีหรือกิจกรรมผิดๆ ซึ่งอาจทำร้ายพวกเขาได้ในที่สุด ยังไม่ต้องพูดถึงว่า 
สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้สร้างสารพิษแปลกๆ ให้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วย “หลายคนเหมือนใช้ชีวิตแค่ครึ่งเดียว ไหนจะนอนไม่หลับ เซ็กส์เสื่อม แล้วยังต้องพะวงเรื่องอาการก่อนมีประจำเดือนอะไรพวกนี้อีก” นพ.ตนุพลเล่า

     นพ.ตนุพล หนึ่งในแพทย์แนวหน้าของวงการเวชศาสตร์ชะลอวัยของไทยในปัจจุบัน ประมาณไว้ว่าตนเองมี ‘คนไข้ประจำ’ ภายใต้การดูแลอยู่ราวๆ 5,000 ราย แต่ก็รีบชี้แจงว่าจำนวนคนไข้ไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ความสำเร็จเสมอไป สำหรับการแพทย์แผนปัจจุบันที่มุ่งรักษาโรคที่เกิดขึ้นแล้ว จำนวนคนไข้ใหม่ๆ อาจมีขึ้นได้ทุกวัน ต่างกับเวชศาสตร์ชะลอวัยซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนไปในระยะยาวของชีวิต “หมอแบบผมถือเป็นของใหม่”

เลอค่าดั่งคาเวียร์

     การจะบรรยายลักษณะของผู้มาใช้บริการคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นเรื่องยาก เพราะคนที่ยังไม่ป่วยย่อมมีสาเหตุในการมาพบแพทย์ต่างกันออกไป ผู้ใช้บริการอาจเข้ามาเมื่อปรากฎ
อาการที่ ‘ไม่ทราบสาเหตุ’ และยังไม่มีแพทย์ระบุโรค หรือมาเพื่อหาแนวทางป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หรือมาเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เอาเป็นว่าเวลาคุณรู้สึกว่าร่างกายไม่ปกติ แปลว่าคุณอยู่ในข่ายคนไข้ของผมแล้ว” นพ.ตนุพลบอก

     คนไข้ที่คลินิกรอยัลไลฟ์จะต้องผ่านการตรวจเลือดหลายครั้งเพื่อวัดระดับฮอร์โมนและวิตามินในร่างกาย รวมถึงตรวจหาภูมิแพ้อาหารแฝง หลังจากนั้น นพ.ตนุพลจะอธิบายผลตรวจเลือดกับคนไข้ จ่ายอาหารเสริมซึ่งจะเข้าไปยับยั้งอาการบกพร่อง และอาจระบุประเภทอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ทั้งนี้ ใน 3 เดือนแรก คนไข้ต้องรับประทานอาหารเสริมตามโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และหลังจากนั้นจะต้องมาพบแพทย์ทุกๆ 2-3 เดือนเพื่อติดตามผล

     แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ราคาถูก อย่างที่นพ.ตนุพลเปรียบเทียบว่า “ถ้าจะพูดถึงคาเวียร์แล้วจะให้ไม่แพงมันยากนะ” เขาถือเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของวงการ โดยโปรแกรมชะลอวัยของเขาครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันโรคเกี่ยวกับความเสื่อมไปจนถึงโปรแกรมเสริมความงาม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลักแสน

คุณคือผู้ร้าย

     “การชี้ต้นตอของความเจ็บป่วยคือจุดมุ่งหมายของเวชศาสตร์ชะลอวัย” พญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ นิยาม เธอคือแพทย์ประจำศูนย์ไวทัลไลฟ์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยแทนที่จะใช้ยาระงับอาการ เวชศาสตร์การชะลอวัย “พยายามช่วยให้ทุกคนเข้าใจร่างกายมากขึ้น และรู้จักหาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและลงตัวสำหรับตัวเอง”

     พญ.วรรณวิพุธ เริ่มหันมาสนใจในเวชศาสตร์ชะลอวัยตอนที่เธอมีปัญหาเกี่ยวกับปอด ขณะนั้นเธอกำลังเรียนเพื่อเป็นกุมารแพทย์ ตอนนั้นเธอคิดว่า “เราเป็นหมอ ทำไมถึงป่วยได้ขนาดนี้” อาการป่วยทำให้เธอเลือกเรียนหลักสูตรเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งปรากฏว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เธอลงหลักปักฐานกับเวชศาสตร์แขนงใหม่นี้ “เหมือนเป็นนักสืบเลย” เธอเล่าถึงงานของเธอ

     ในจำนวนคนไข้ที่เธอรักษา พญ.วรรณวิพุธ ประเมินว่าสาเหตุการเจ็บป่วยหลักๆ 80% นั้นมาจากวิถีชีวิต เช่นการอดหลับอดนอน 
การขาดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและงาน การไม่ออกกำลังกาย และการปาร์ตี้แบบหักโหม ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ในที่สุดจะทำลายสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อายุย่างเข้า 30 นี่คือเหตุผลที่คนไข้ส่วนใหญ่ของพญ.วรรณวิพุธ อยู่ในวัย 30 กลางๆ จนถึง 50 ปลายๆ ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายก็มักบ่นว่าตนเองรู้สึกเหนื่อยล้าหรืออยากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้หญิงจะกังวลเรื่องริ้วรอย

     แต่ถึงความชราจะสามารถหยุดยั้งได้ด้วยมีดหมอ พญ.วรรณวิพุธ กล่าวว่าปัจจุบันคนไข้นั้นเริ่มมองหาวิธีแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนมากขึ้น “ช่วงสองปีมานี้ คนพยายามแก้ปัญหาจากภายในมากกว่า” เธอกล่าว แม้คลินิกบางแห่งจะมุ่งแก้ไขปัญหาทั้งปวงด้วยวิตามินและฮอร์โมน สำหรับพญ.วรรณวิพุธ การรักษาควรออกแบบให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องใช้ฮอร์โมน หรือเดินกลับออกไปพร้อมอาหารเสริมเป็นกระสอบ”

พญ.วรรณวิพุธ ต่างจากหมอหลายๆ คนตรงที่เธอเอาคำแนะนำที่ให้กับคนไข้มาปฏิบัติเองจริงๆ เธอเชื่อในเวชศาสตร์ชะลอวัย และพยายามหาต้นตอความเจ็บป่วยของตัวเองแบบเดียวกับที่ทำกับคนไข้ หลังประสบปัญหาปวดหลังเรื้อรังจากการใส่รองเท้าส้นสูง เธอจึงเริ่มหันมาออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและสร้างกล้ามเนื้อช่วงกลาง
ลำตัว “เรื่องที่บอกคนไข้หมอมั่นใจ 100% เพราะลองทำด้วยตัวเองมาแล้ว ฉะนั้นไม่เชื่อไม่ได้เลย”

     ถ้าหากคนไข้เวชศาสตร์ชะลอวัยนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรืออาหารเสริม จำเป็นหรือไม่ที่คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยต้องตั้งอยู่ใน
โรงพยาบาล ในข้อนี้ แอนดรูว์ คริสตัน ผู้จัดการทั่วไปของคลินิก Verita Health MahaNakhon ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 
9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาเลือกที่จะฟันธงว่า 
“ไม่จำเป็น”

ปัจจุบันคืออนาคต

     ‘ห้องรอตรวจ’ ของคลินิกเวอริตานั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในล็อบบี้โรงแรม เมื่อก้าวเข้าไปจะพบกับผนังเงาวับ วิวเส้นขอบฟ้าตรงเบื้องหน้า บาร์ซึ่งเสิร์ฟน้ำผลไม้สกัดเย็นและชา เครื่องออกซิเจนบำบัด รวมไปถึงสลัดจากร้าน Dean & Deluca ที่อยู่ด้านล่าง “เราต้องการให้ความรู้สึกเหมือนไพรเวทคลับสำหรับสมาชิก” แอนดรูว์ผู้เคยมีประสบการณ์ทำงานในคลับส่วนตัวมาก่อนกล่าว

     อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศหรูชิค กระบวนการทางการแพทย์ยังไม่ได้หายไปไหน หลังประสบความสำเร็จในสาขาเนื้องอกวิทยา บริษัทสัญชาติสิงคโปร์นี้ภูมิใจกับโปรแกรมการตรวจ VIBA (Verita Index Biological Age) ของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะใช้เลือดเพียง 
4 หยดและสำลีอีก 1 แผ่น แต่การตรวจดังกล่าว
จะทำให้ทราบอายุชีวภาพ (biological age) ของคนไข้ โดยทางคลินิกจะส่งตัวอย่างเลือดที่เจาะไปตรวจยังห้องทดลองในประเทศออสเตรียเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตามด้วยการแนะแนวทางรักษา ก่อนจะตรวจ VIBA อีกรอบเพื่อติดตามว่าการรักษานั้นเห็นผลหรือไม่

การชี้ต้นตอ
ของความเจ็บป่วยคือจุดมุ่งหมายของเวชศาสตร์ชะลอวัย

     นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีเครื่องมือการตรวจโรคที่ล้ำสมัย อาทิกล้องอินฟราเรด ไบโอสแกนเนอร์และเครื่องมือพิเศษเพื่อตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งจะตรวจจับอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ และให้ผลที่มีความแม่นยำกว่าการตรวจเลือดทั่วไปถึง 20% “เราใช้วิธีที่ไม่ทำให้คนไข้เจ็บตัว แถมยังรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง” คริสตันกล่าว

     วิธีการรักษาของเวอริตายังวางอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ และปลอดจากการรักษาแนวใช้ความเชื่ออย่างการนวดเรกิหรือการใช้เทปพยุงกล้ามเนื้อ ห้องวีไอพีที่นี่มาพร้อมกับซาวน่าอินฟราเรดซึ่งช่วยกระตุ้นการ ‘ดีท็อกซ์’ ในแบบที่เจ้าแม่สุขภาพอย่างกวินเน็ธ พัลโทรว์
คงจะเห็นดีเห็นงาม นอกเหนือไปจากบริการวารีบำบัดสวนล้างลำไส้ใหญ่ (ซึ่งจัดเป็นบริการยอดนิยมของทางคลับ) และบริการฉีดยาเข้าเส้นเลือด (หรือ IV) อันที่จริงแล้ว บริการไม่น้อยก็คือโปรแกรมทรีตเมนต์ซึ่งนำเสนอใหม่ภายใต้ชื่อ IV Lounge อาทิ โปรแกรม Revive รักษาอาการอ่อนล้า และโปรแกรมกระชับรูปร่าง Silhouette (มีทั้งแบบปกติและในห้องมืด) “หลักการคือให้คนรู้สึกว่าการรับบริการมันง่ายเหมือนไปนั่งจิบค็อกเทลที่บาร์” คริสตันเปรียบเทียบ

คิดไปเอง

     แน่นอนว่ายังมีอีกหลายกรณีที่เวชศาสตร์ชะลอวัยไม่ให้ผลตามคาด หรือให้ผลน้อย พญ.วรรณวิพุธ แห่งศูนย์ไวทัลไลฟ์บอกว่าสำหรับเธอ กรณีที่ยากที่สุดคือผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน ที่ฮอร์โมนเสริมทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนตามธรรมชาติน้อยลง ในขณะที่นพ.ตนุพล เห็นว่าอาการเจ็บป่วยที่รักษายากที่สุดคืออาการจากสมอง “เรื่องทางจิตใจมันรักษาให้หายยากกว่า”

     สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามว่าการไปพบแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่ “ผมไม่ต่อต้านการกินวิตามินหรือฮอร์โมน แต่คุณควรจะกินเมื่อมีผลทดสอบบ่งชี้ว่าคุณต้องกินเท่านั้น” นพ.กิตติ สกาวรัตนโยธิน แห่งโรงพยาบาลสมิติเวชกล่าว อย่างไรก็ตาม นพ.ตนุพลเห็นว่าการวิจารณ์เวชศาสตร์ชะลอวัยแบบหว่านแหว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อนั้น
เกิดขึ้นเพียงเพราะคนขาดความเข้าใจ โดยเขายกตัวอย่างเทคโนโลยีซีทีสแกนซึ่งในตอนแรกเคยถูกต่อต้านหนักหน่วงเช่นกัน “เราไม่เคยเสียใจเวลาหมอคนอื่นๆ ไม่ยอมรับเรา”

     กระนั้น กรณีที่ดีที่สุดย่อมคือการที่คนไข้รักษาสุขภาพได้ดีจนไม่ต้องมาถึงมือหมอ โดยนพ.กำพล ภูผาวัฒนากิจ แพทย์ธรรมชาติบำบัดแห่งคลินิกเวอริตา เฮลท์ ให้คำแนะนำไม่ซับซ้อนเพียงว่าให้ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับให้เต็มอิ่ม และไม่กินเกินพอดี “ผมเชื่อเรื่องอดอาหาร คนเรากินเยอะและบ่อยเกินไป” นพ.กำพลอธิบาย ไม่น่าแปลกใจนักที่เขาดูยังหนุ่มและฟิต นอกจากนั้น เขาเห็นว่าการรับประทานวิตามินเสริมเป็นสิ่งที่ควรทำเนื่องจากคุณค่าทางอาหารในพืชผักต่างๆ ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมแนะนำไปจนถึงขมิ้น ชา ไวน์แดง 
ดาร์กช็อกโกแลต และกาแฟสกัดเย็น ซึ่งล้วนดีต่อสุขภาพหากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติบวก “หากคุณป่วยทางจิต มันจะลามมาทางกายเข้าสักวัน ในทางกลับกัน ถ้าคุณป่วยกาย มันก็จะส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตด้วย”

     ในขณะที่สำหรับนพ.ตนุพล หัวใจสุขภาพสรุปได้ง่ายๆ ว่าคือการรักษาระดับไขมันในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ออกกำลังกายวันละ 30 นาที รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หลัง 2 ทุ่ม “โซเชียล มีเดียสร้างคนไข้ให้ผมเยอะมาก ผมบอกได้เลยว่าอย่าไปคาดหวังให้ใครมาทำให้คุณมีความสุข เราต้องรู้จักสร้างความสุขด้วยตัวเอง” นพ.ตนุพล ผู้ชื่นชอบการนั่งสมาธิเป็นชีวิตจิตใจบอกเคล็ดลับ

     เมื่อปริมาณการเสพโซเชียล มีเดียดูไม่มีทีท่าจะลดลงเช่นเดียวกับความเครียดสะสมจากการทำงาน ความต้องการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยคงมีแต่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หากสถานการณ์ยังดำเนินไปเช่นนี้ อนาคตของอุตสาหกรรมเวชศาสตร์ชะลอวัยน่าจะเป็นเส้นทางที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน

Essentials


Royal Life Anti-aging Center


โรงพยาบาลกรุงเทพ 
ซอยศูนย์วิจัย 7 
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ
โทร. 02-310-3232
www.fb.com/BangkokHospital.RoyalLife

Verita Health MahaNakhon

96 ชั้น 3 มหานคร คิวบ์ 
ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ กรุงเทพฯ
โทร. 02-115-7553
http://health.verita.com

Vitallife Wellness Center

210 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ
โทร. 02-667-2340
www.vitallife-international.com