HOME ISSUE

SECTION

ABOUT

CLIENT VALUES


Rebel With a Cause

ปรัชญาการใช้ชีวิตและธุรกิจของ ‘ธนกร ฮุนตระกูล’ เจ้าของโรงแรมผู้อุทิศชีวิตเพื่อดูแลธรรมชาติ

กว่า 20 ปีที่ธนกร ฮุนตระกูล ผู้บริหารโรงแรมบ้านท้องทราย (The Tongsai Bay) เกาะสมุย ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดูแลและเปลี่ยนโรงแรม 5 ดาวภายใต้การบริหารให้เป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหัวใจอนุรักษ์ทุกคนอยากไปสัมผัส

จากความหลงใหลในการท่องเที่ยวธรรมชาติมาตั้งแต่เยาว์วัย ธนกรได้พยายามนำแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจโรงแรมหรู แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ธนกรจะทำไม่ได้ เพราะในท้ายที่สุด โรงแรมบ้านท้องทรายก็กลายเป็นโรงแรมสีเขียว อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์และสัตว์ป่า ตามปรัชญาที่เขายึดมั่นมาตลอดหลายสิบปี ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคน สัตว์ และธรรมชาติ

หลังจากทุ่มเททำงานเพื่อโรงแรมมานานหลายปี ธนกรตัดสินใจพักเหนื่อยจากงานบริหาร และหันมาโฟกัสกับงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยความฝันที่อยากจะเปลี่ยนที่ดินของตัวเองให้กลายเป็นผืนป่า เพื่อเป็นบ้านและที่หลบภัยของบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ณ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

ถ้าเราย้อนกลับไปร้อยปี ห้าร้อยปี หรือพันปี คุณจะพบว่าคุณเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนั้นแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง เราไม่ควรรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ พื้นที่อยู่มาก่อนหน้าเรานานมาก และสิ่งที่อยู่มาก่อนเราคือต้นไม้และสัตว์ป่า

จุดเริ่มต้น ‘โรงแรมสีเขียว’

หลังจากที่พ่อของผมเสียชีวิต ผมกับกอหญ้า (สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา - ภรรยา) ก็ต้องมาเรียนรู้เรื่องงานโรงแรมทุกส่วน และพยายามลองผิดลองถูก จนกระทั่งเรารีโนเวทโรงแรมและมีขยะก่อสร้างเกิดขึ้น พวกเราในฐานะผู้บริหารไม่ได้มีนโยบายหรือมีคำสั่งว่าเราจะจัดการอย่างไร พนักงานที่เอาขยะไปทิ้งเขาก็จัดการเผาให้เลย คราวนี้ขยะที่เป็นเคมีก็ทำให้เกิดควันดำและกลิ่นเหม็นตามมา เราได้รับจดหมายต่อว่าจากคนในพื้นที่ว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันรบกวน และทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็น Green Project ซึ่งเป็นการแยกขยะว่ามีกี่ประเภท และมีวิธีจัดการอย่างไร เพื่อให้ส่งผลกระทบกับธรรมชาติน้อยที่สุด แต่นั่นก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด คือเราต้องลดขยะที่ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติ

มนุษย์ไม่ใช่เจ้าของ

เราเป็นเจ้าของโรงแรมก็จริง แต่โรงแรมมีอายุแค่ 35 ปีเอง ก่อนหน้านั้นมันเคยเป็นบังกะโล ที่เจ้าของเป็นคนสมุย ก่อนหน้านั้นไปอีกมันเคยเป็นเหมืองแร่วูลแฟรม หรือก่อนหน้านั้นมันคือสวนมะพร้าว และป่า ถ้าเราย้อนกลับไปร้อยปี ห้าร้อยปี หรือพันปี คุณจะพบว่าคุณเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนั้นแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง เราไม่ควรรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ พื้นที่อยู่มาก่อนหน้าเรานานมาก และสิ่งที่อยู่มาก่อนเราคือต้นไม้และสัตว์ป่า ในเมื่อพื้นที่ธรรมชาติอยู่มาก่อนเรา เราไม่ได้เป็นเจ้าของตลอดกาล สัตว์ที่อยู่มาก่อนจึงเป็นเหมือนเจ้าถิ่นที่เราต้องให้เกียรติ เขาต้องได้อยู่ในพื้นที่ของเขา โดยที่เราและแขกของเราอาศัยอยู่ร่วมกัน จึงเป็นแนวคิดที่ว่า โรงแรมบ้านท้องทรายต้องเป็นโรงแรมที่ทั้งคนและสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

กฏเหล็กคือไม่ฆ่าสัตว์

ในสวนที่โรงแรมบ้านท้องทรายมีสัตว์อยู่ด้วย เคยเกิดเรื่องว่ามีงูเห่าอยู่ในร่องน้ำของโรงแรม มันยังไม่ได้ทำร้ายอะไรใคร แต่ถ้าไปกัดแขกแล้วเป็นปัญหาแน่ๆ เราเลยตัดสินใจว่าให้จัดการ คนสวนเขาก็ฆ่ามัน เรารู้สึกผิดมาก คิดว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ หลังจากนั้นเราจึงมีนโยบายว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ในโรงแรม ถ้าเจอสัตว์มีพิษ เราจะจับไปปล่อย มันมาพร้อมกับแนวคิดว่า เราจะอยู่อย่างไร โดยให้มนุษย์มีอิทธิพลกับธรรมชาติให้น้อยที่สุด ตอนหลังเรามาเจอนางอาย เราก็ดีใจมากว่าเรามีนางอายอยู่ในโรงแรมตามธรรมชาติ และรู้สึกเป็นเกียรติ เพราะการที่มีสัตว์ป่ามาอยู่อาศัยตรงนี้คือดัชนีวัดว่าที่ของเราปลอดภัยและอุดมสมบูรณ์เพียงพอ เรื่องสัตว์กับเรื่องต้นไม้จึงเป็นหัวใจสำคัญ หลายคนทำสิ่งแวดล้อมเพื่อคนด้วยกัน แต่ที่บ้านท้องทรายของผมกับกอหญ้า เราทำเพื่อสัตว์กับธรรมชาติ และคนต้องให้เกียรติสัตว์กับธรรมชาติ

หลายคนทำสิ่งแวดล้อมเพื่อคนด้วยกัน แต่ที่บ้านท้องทรายของผมกับกอหญ้า เราทำเพื่อสัตว์กับธรรมชาติ และคนต้องให้เกียรติสัตว์กับธรรมชาติ

พื้นที่สีเขียวคือหัวใจ

มีบางพื้นที่ของบ้านท้องทรายที่เราไม่ไปแตะต้องเลย เราคิดว่าจะไม่ขยายโรงแรม และจะเก็บพื้นที่ธรรมชาติเอาไว้ให้ได้มากที่สุด สมัยพ่อของผม เขามีสนามหญ้าเยอะ เราก็คิดว่าลดสนามหญ้าดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาคอยตัดหญ้า วิธีการลดสนามหญ้าก็คือปลูกต้นไม้ใหญ่ลงไป พอแสงแดดส่องลงมาไม่ถึง หญ้าก็จะแห้งตายไปเอง พื้นที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ใหญ่ และมีไม้อื่นๆ ขึ้นแซมข้างใต้ ใช้เวลาหลายปี เพราะเราไม่นิยมเอาต้นไม้ที่โตแล้วมาลง เอาต้นกล้ามาปลูก หรือบางทีก็เพาะเมล็ดเลย ปกติธุรกิจหรือคนรอต้นไม้โตไม่ได้ ก็ไปขุดหรือไปล้อมต้นไม้มา ซึ่งไม่รู้ว่าคนขายไปเอามาจากป่าที่ไหนหรือเปล่า เราไม่อยากสนับสนุน เราอยากทำอะไรที่ฟูมฟักขึ้นมาเอง ไม่ไปเบียดเบียนธรรมชาติ เมื่อเราอยากทำให้บ้านท้องทรายร่มรื่นขึ้น เราก็ปลูกต้นไม้เอาไว้ข้างทาง แล้วก็เปลี่ยนสีถนนคอนกรีตจากสีแดงให้เป็นสีเทาดำ ซึ่งตอนนี้มันก็ได้ให้ความร่มรื่นชื่นใจเราแล้ว

ความท้าทายของธุรกิจ

ความยากของการทำธุรกิจที่มีโจทย์เรื่องธรรมชาติคือมันมีขั้นตอนเยอะขึ้น ใช้เวลามากขึ้น และหลายอย่างก็ต้องซื้อในราคาที่สูงขึ้น ราคาก็มีผลสำคัญเหมือนกัน ถ้าต้นทุนสูงมากๆ เราก็ไม่ไหว ไม่ใช่ว่าเราจะซื้อของที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้เสมอไป แต่ในขณะเดียวกันเราก็พยายามหาอย่างอื่นมาใช้ทดแทน เช่น เราใช้น้ำมันจากการทำอาหารในครัวมาทำเป็นตะเกียงจุดไฟ แต่ในครัวก็ต้องเก็บน้ำมันมากรองส่วนดำๆ ออก ต้องเก็บอย่างดี ไม่ให้หก ซึ่งก็เป็นความยากลำบากในระดับหนึ่ง บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เราไม่ใช้เลย เราไม่มีขวดน้ำพลาสติกแต่ใช้ขวดน้ำที่เป็นแก้ว พวกขวดแชมพูก็ใช้เซรามิก หีบห่อบรรจุหมวกอาบน้ำพลาสติกเราก็เปลี่ยนไปใช้กล่องกระดาษ หรือเอาผ้าเก่า เอามาตัดเย็บแล้วก็ใช้เชือกผูกเป็นหีบห่อ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนของใหม่

เราอาจสร้างความยากลำบากให้แขกนิดหน่อยด้วย จากการที่เราไม่สนับสนุนการใช้แรงงานสัตว์หรือกักขังสัตว์ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากไปขี่ช้าง อยากไปสวนสัตว์ ไปอะควาเรียม เราไม่ช่วย คุณต้องไปติดต่อเอง ไม่ต้องมาถามที่แผนกต้อนรับ ถ้าเขามาถาม เขาก็จะได้รับจดหมายที่บอกว่าทำไมเราถึงไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ถ้าคนที่เขาไม่คิดอย่างเรา ก็คงคิดว่าไปอยู่โรงแรมอื่นอาจจะได้รับบริการที่ดีกว่านี้ แต่คนที่คิดแบบเรา เขาก็คิดว่าที่นี่เอาจริงเอาจังดี ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นโรงแรมไหนทำถึงขนาดนี้

ถ้าอยากไปขี่ช้าง อยากไปสวนสัตว์ ไปอะควาเรียม เราไม่ช่วย คุณต้องไปติดต่อเอง ถ้าคนที่เขาไม่คิดอย่างเรา ก็คงคิดว่าไปอยู่โรงแรมอื่นอาจจะได้รับบริการที่ดีกว่านี้ แต่คนที่คิดแบบเรา เขาก็คิดว่าที่นี่เอาจริงเอาจังดี ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นโรงแรมไหนทำถึงขนาดนี้

ผลกระทบที่น้อยที่สุด

คนสมัยก่อนตายเร็ว ตอนนี้เราตายช้า มีชีวิตอยู่นานขึ้นและบริโภคเยอะ ยิ่งโลกสมัยนี้ความต้องการไม่สิ้นสุด ฝั่งผู้ผลิตก็สรรหาที่จะทำอะไรออกมาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค การบริโภคจึงเป็นปัญหาหลัก ถามว่าเราจะไปแก้ไขอย่างไร เราก็คนเหมือนกัน จะไม่กินไม่ใช้เหรอ ไม่ใช่---ผมก็กิน ผมก็ใช้ มีความต้องการที่หลากหลายเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราทำได้คือการใช้ชีวิตที่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด สิ่งที่คนควรจะตั้งคำถามมากที่สุดเลยคืออะไรย่อยสลายในธรรมชาติ อะไรที่ไม่ย่อยสลายในธรรมชาติ เอาแค่นี้ก่อน ถ้าคุณรู้แล้ว แล้วยังดำเนินชีวิตแบบที่ไม่สนใจ ก็แปลว่าคุณไม่แคร์สิ่งแวดล้อม

ต้องมีวินัยกับตัวเอง คนไทยเป็นชาติที่ไม่ค่อยกินของเหลือ ไม่เอาของเหลือใส่ตู้เย็นแล้วเอามาอุ่นกินใหม่ เรามักจะกินของที่ทำสดเสมอ แปลว่าเราทิ้งขยะอาหารเยอะมาก ขยะอาหารย่อยสลายได้ก็จริง แต่ว่าทิ้งลงท่อก็ใช่ว่าจะดี ส่วนตัวผมถ้าไปกินข้าวนอกบ้านแล้วเหลือ ผมก็เอาปิ่นโตออกมาเก็บ ทุกคนสามารถหาทางออกได้เองว่าจะทำอย่างไรให้ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธรรมชาติ ทุกคนมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้บอกว่าผมทำได้ดีที่สุด แล้วทุกคนต้องทำแบบผม แต่ทุกคนทำในแบบของตัวเองได้

พักเพื่อเดินหน้างานอนุรักษ์

ในแง่ของการทำธุรกิจ ผมเองก็เหนื่อยพอแล้วเลยมีทีมใหม่เข้ามาบริหาร โรงแรมบ้านท้องทรายจะกลายเป็น Garrya Tongsai Bay Samui ในเครือ Banyan Tree ผมในฐานะเจ้าของก็คงไม่ค่อยเข้าไปดูในรายละเอียดมากนัก แต่ได้คุยกันแล้วว่ามีอยู่สองสิ่งที่อยากจะคงไว้ อย่างแรกคือความเป็นโรงแรมรักษ์สิ่งแวดล้อม จะมาเปลี่ยนตรงนี้ไม่ได้ และสองคือพนักงานของเรา เราอยากให้เคารพว่าคนเดิมของเราก็มีดี ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนทุกอย่าง

ผมมีที่ดินอยู่ที่เขาใหญ่เป็นพื้นที่ราบล้อมรอบด้วยป่าสงวนซึ่งเป็นภูเขา ผมก็ไปปลูกต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้มีสัตว์ป่าเข้ามาอยู่ เพราะเดี๋ยวนี้พื้นที่ราบให้สัตว์อยู่แทบจะไม่มีแล้ว มนุษย์เอามาทำประโยชน์หมด ทั้งทำนา ทำไร่ ทำสวน ทำโรงแรม ปลูกบ้าน เราเลยคิดว่า ในเมื่อที่ดินของเราถูกล้อมรอบด้วยเขา ถ้ามีสัตว์ตัวไหนเข้ามาได้ มาอยู่ในพื้นที่ 30-40 ไร่ของเรา ก็แบ่งให้เขาใช้ไป ตอนนี้น่าจะสิบปีได้แล้ว มีช้างมาอยู่แล้ว คนแถวนั้นก็คอยดูให้ รู้ว่าตัวที่มามีตัวไหนบ้างมีพี่เบี่ยงเล็ก พี่เบี่ยงใหญ่ พี่แคระ วันหนึ่งผมลองเดินเข้าไปในที่ของเรา ได้เห็นเลยว่าช้างเดินจนกลายเป็นทาง เราก็เดินตามทางจนไปเจอพื้นที่ที่คาดว่าช้างจะเอาไว้นอน พอได้เห็นก็รู้สึกว่า นี่ไง---สิ่งที่เราอยากได้ อยากให้มีสัตว์มาอยู่ สมใจแล้ว พอไม่ได้ทำงานโรงแรมมากขนาดนั้นแล้ว ในอนาคตก็คงไปยุ่งอยู่กับพื้นที่ตรงนี้แหละ ไม่ได้คิดจะทำธุรกิจอะไรเพิ่ม เรามีในระดับหนึ่งก็พอ เราไม่ได้มีลูก เอาเป็นว่ารักษาสุขภาพให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบั้นปลายชีวิต มีแรงไปท่องเที่ยว ก็น่าจะพอแล้ว

รู้จักกับ ธนกร ฮุนตระกูล

ธนกร ฮุนตระกูล จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of East Anglia ประเทศอังกฤษ เป็นผู้บริหารโรมแรมบ้านท้องทราย เกาะสมุย และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเรื่องการทำโรงแรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเมืองไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร