SECTION
ABOUTINVESTMENT REVIEW
เมื่อผมไปประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล
สายงานลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway บริษัทโฮลดิ้งที่รู้จักกัน เป็นอย่างดีทั่วโลก เพราะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารชื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อวงการ ‘Value Investing (VI)’ ที่ถือว่าเป็นนักลงทุนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
เดิมที เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์เคยเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ประสบปัญหาอย่างหนัก วอร์เรน บัฟเฟตต์เริ่มเข้าไปลงทุนในบริษัทช่วงปี 1960s เพราะชอบที่ราคาหุ้นขึ้นทุกครั้งที่มีการปิดโรงงาน ต่อมาเขากลายเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ และนำบริษัทมาใช้ในการลงทุนในบริษัทอื่นๆ อีกหลายแห่ง
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบเท่า GDP ของไทยแล้ว) มีรายได้รวมปีละกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรปีละกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเป็นอันดับหกของโลก (เกือบๆ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ที่น่าสนใจคือ แม้เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์จะมีพนักงานในกลุ่มมากกว่า 300,000 คน แต่มีพนักงานที่สำนักงานใหญ่เพียง 26 คนเท่านั้น
เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ มีการลงทุนกระจายไปในหลายอุตสาหกรรมที่เรารู้จักกันดี เช่น ถือหุ้น 100% ในบริษัทประกันภัย (GEICO และ General Re) เสื้อผ้า (Brooks Sports) อาหารและเครื่องดื่ม (See’s Candies และ Dairy Queen) และมีการลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่น American Express, American Airlines, Apple, Bank of America, Coca-Cola, Kraft Heinz และ Wells Fargo เป็นต้น
ปัจจุบันราคาหุ้นเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ (BRK.A) เป็นหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดหุ้น สหรัฐฯ มีราคาต่อหุ้นเกือบๆ 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาทต่อหุ้น เพราะไม่เคยแตกพาร์ และแทบไม่เคยจ่ายเงินปันผล กำไรที่เกิดขึ้นจึงทบกลับเข้าไปเป็นทุนของบริษัททั้งหมด แต่ยังดีที่มีการออกหุ้น BRK.B ซึ่งเป็นหุ้นแบบไม่มีสิทธิออกเสียง ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนทั่วไปยังพอเข้าไปลงทุนได้บ้าง
การประชุมประจำปีของบริษัท เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมี คนไปกันเท่าไร แต่ต้องถือว่าเป็นงานประเพณีสำคัญของนักลงทุน และโดยเฉพาะนักลงทุนสาย VI เพราะเป็นงานที่วอร์เรน บัฟเฟตต์จะได้ออกมาพบนักลงทุน ตอบคำถามกันสดๆ ให้นักลงทุนได้เรียนรู้หลักการและแนวความคิดของศาสดาคนสำคัญด้านการลงทุน นอกเหนือจาก ‘จดหมายถึงผู้ถือหุ้น’ ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขียนมาอย่างต่อเนื่อง ที่มีการรวมเล่มและเรียกว่าเป็นคัมภีร์การลงทุนได้เลย โดยแต่ละ ปีมีคนไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้นกันมากกว่า สี่หมื่นคน เรียกว่าเมืองแทบแตก
ปัจจุบันราคาหุ้นเบิร์กไชร์
แฮทธาเวย์ (BRK.A) เป็นหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีราคาต่อหุ้นเกือบๆ 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาทต่อหุ้น เพราะไม่เคยแตกพาร์ และแทบไม่เคยจ่ายเงินปันผล กำไรที่สร้างจึงทบกลับเข้าไปเป็นทุนของบริษัททั้งหมด
ผมซื้อหุ้น BRK.A ไว้หนึ่งหุ้นเมื่อสิบกว่าปี ก่อนตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่สัก 4 พันดอลลาร์สหรัฐ (ก่อนแตกพาร์รอบหลังสุด) โดยหวังว่าจะไปประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ สักครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไป จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อนมีโอกาสไปสหรัฐอเมริกาพอดีเลยถือโอกาสใช้สิทธิผู้ถือหุ้นเข้าร่วมการประชุมในตำนานสักครั้ง
งานประชุมผู้ถือหุ้นจัดขึ้น 3 วัน วันแรกเป็นงานแสดงสินค้าในกลุ่มของเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และของที่ระลึกทั้งหลาย วันที่สองเป็นการประชุมผู้ถือหุ้น และวันที่สามมีงานวิ่ง 5K และงานเล็กๆ อื่นๆ เช่น โชว์ตีปิงปอง เป็นต้น
ในวันงาน ผมไปรอเข้าแถวเพื่อเข้างานตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้า โดยทราบว่าประตูจะเปิดประมาณ 7 โมงเช้า และงานจะเริ่มประมาณ 8 โมงเช้า มีคนมาเข้าคิวกันก่อนหน้าผมเป็นจำนวนมาก แถวแทบจะวนรอบอาคารตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้าและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่ประตูเปิด คนก็กรูกันเข้าไปในหอประชุมเพื่อเลือกที่นั่งที่ดีที่สุด เป็นที่น่าสังเกตว่า ปีนี้มีคนจีนจำนวนมากมาร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และเหมือนจะมากันเป็นทัวร์เลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าคนจีนสนใจการลงทุนมากขึ้นจริงๆ
และเป็นประเพณีแทบทุกปี ที่การประชุมจะเริ่มต้นด้วยวีดีโอสนุกๆ ที่มีทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์ บิล เกตส์ และคนมีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอล NBA ชื่อดัง มาร่วมแจมในวิดีโอ และมีการแทรกโฆษณาสินค้าในกลุ่มเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ แบบเนียนๆ
ก่อนที่จะเข้าถึงส่วนสำคัญของรายการ คือการนำเสนอผลประกอบการสั้นๆ และขั้นตอนการถามตอบที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ซึ่งมีอายุ 87 ปีในปีนี้ และชาลี มังเกอร์ รองประธานกรรมการบริษัท คู่คิดตลอดกาลของเขา ที่ปัจจุบันมีอายุ 94 ปี นั่งตอบคำถามจาก ผู้สื่อข่าว นักวิเคราะห์ และผู้เข้าร่วมประชุม
ผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งมาก ที่มีโอกาสไปนั่งฟังทั้งสองท่านนั่งตอบคำถามเกือบ 60 ข้อ เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 7 ชั่วโมง มีพักทานข้าวแค่ 1 ชั่วโมง แต่สามารถดำเนินรายการได้อย่างสนุก มีอารมณ์ขัน และตอบคำถามได้อย่างเฉียบคม สามารถลง รายละเอียด รู้ตัวเลขของบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งยังตรึงให้คนฟังส่วนใหญ่นั่งอยู่ในห้องประชุมได้ตลอดระยะเวลาการประชุม
คำถามในงานมีทั้งที่เป็นคำถามเทคนิคยากๆ เกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทลูก อนาคตของบริษัทและการวางแผนผู้บริหารรุ่นใหม่ มุมมองในการลงทุน มุมมองเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการค้าสหรัฐฯ หรือความเห็นเกี่ยวกับ cryptocurrency ท่านที่สนใจสามารถอ่านบันทึกการประชุมหรือรับชมบันทึกภาพได้
ประสบการณ์ที่ได้เข้าร่วมการประชุม และสัมผัสถึงความศรัทธาที่นักลงทุนจำนวนมากมีให้กับนักลงทุนต้นแบบของพวกเขา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คนจำนวนมากหันมาศึกษาศาสตร์การลงทุนอย่างจริงจัง และการได้รับฟังความเห็นและมุมมองจากนักลงทุนที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่ง ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า และสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาและ เพิ่มเติมความรู้ได้เป็นอย่างดี
โชคดีที่ตอนนี้ มีการถ่ายทอดสดการประชุมทางอินเทอร์เน็ต ท่านที่สนใจสามารถรับชมกันได้จากเมืองไทย ไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปไกลๆ ก็สามารถซึมซับประสบการณ์กันได้แล้วนะครับ ■