SECTION
ABOUTLIVING SPACE
Ahead of One’s Time
ทำความรู้จัก บิล เบนสเลย์ สถาปนิกผู้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าทางความคิดตลอดกาล
สถาปัตยกรรมที่ได้รับการยอมรับว่า ‘ล้ำยุค’ และ ‘สุดยอด’ นั้นแท้จริงแล้วต้องมีลักษณะพิเศษอย่างไรกันแน่ หนึ่งตัวอย่างที่อาจคลายความสงสัยนี้ได้บ้างเห็นจะเป็นโรงแรมระดับลักชัวรีของไทยอย่าง โฟร์ซีซันส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำในเชียงราย ผลงานการออกแบบของ บิล เบนสเลย์ สถาปนิกชาวอเมริกันระดับตำนาน ที่ได้ผสานความหรูหราสะดวกสบายของโรงแรมระดับห้าดาวเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืนและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด จนเป็นที่รู้กันว่าโรงแรมใน ‘คอลเล็กชัน ของเบนสเลย์’ นั้นคือมาตรฐานใหม่ของสถาปัตยกรรมที่ล้ำหน้าด้านดีไซน์และสามารถเชื่อมโยงคนเข้ากับธรรมชาติได้อย่างชาญฉลาด
นอกจากเป็นสถาปนิกระดับสุดยอดฝีมือของเมืองไทยและของโลกแล้ว เบนสเลย์ ยังเป็นนักเดินทางและนักสะสม ‘ของแปลก’ ตัวยงอีกด้วย โดยเขาและคู่ชีวิต จิระชัย เร่งทอง มักใช้เวลาส่วนตัวสรรหาของแปลกหายากจากทั่วโลก เขาเดินทางไปถึง 95 ประเทศทั่วโลกเพื่อทำกิจกรรมผจญภัยที่ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำดูหอยเม่นในธารน้ำแข็งในชิลี การลงแข่งขันบอลลูนในเมียนมาร์ในฐานะผู้แข่งขันชาวอเมริกันคนแรก เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสนองความชอบส่วนตัวเท่านั้นแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการสร้างงานชิ้นเอกของเบนสเลย์ อีกด้วย
หลายครั้งที่สังคมภายนอกวิพากษ์วิจารณ์บุคลิกและการแสดงออกที่เป็น ‘เอกลักษณ์’ ของเบนสเลย์ แต่ความนอกกฏนี่เองที่กลับกลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เบนสเลย์มองสิ่งรอบตัวต่างออกไปจากคนอื่นและเป็นแรงขับให้เขาก้าวขึ้นเป็นสถาปนิกที่มีความคิดล้ำยุคจนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการสถาปัตยกรรมทั้งไทยและในระดับสากล
ใครจะรู้ว่า สตูดิโอแห่งแรกของเบนสเลย์เริ่มต้นจากโรงรถสภาพโกโรโกโสในกรุงเทพฯ เมื่อ 30 ปีก่อน จากนั้นไม่นาน เขากลายเป็นสถาปนิกนักล่ารางวัลตัวฉกาจของวงการโดยสามารถคว้ารางวัลจากเวทีการประกวดงานสถาปัตยกรรมทั้งในระดับประเทศและระดับโลกมามากมายนับไม่ถ้วน หากนับย้อนไปเพียง 3 ปี เบนสเลย์ก็มีรางวัลมาประดับบ้านถึง 13 รางวัลแล้ว ไม่ว่าจะเป็น HICAP Sustainable Hotel Award, MUSE Design Awards - Platinum Winner 2020, The Destination Deluxe Awards 2019 และ Eco-Spa of the Year – Shinta Mani Wild
แนวทางการออกแบบที่เต็มไปด้วยศิลปะ มีลูกเล่น แต่ก็สง่างามของเบนสเลย์กลายเป็นเหมือนมาตรฐานกลางในการสร้างโรงแรมที่ต้องการความเป็นเลิศด้านดีไซน์และความหรูหรา แต่สำหรับเบนสเลย์เอง เขายังยืนกรานว่าตนไม่เคยมีสไตล์เฉพาะตัว บ่อยครั้งเขาเพียงดึงเอาสิ่งรอบตัวแสนเรียบง่ายมาใส่ไว้ในงาน ยกตัวอย่างเช่น Hotel de la Coupole โรงแรมหรูในเมืองซาปาของเวียดนามที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงอบไม้ไผ่เวียดนามสีขาวพิมพ์ลายแตงโมที่เบนสเลย์และจิระชัยได้มาระหว่างการเดินสำรวจถนนเล็กๆ ในกรุงปารีสเมื่อ 6 ปีก่อน แต่ผลลัพธ์ก็คือโรงแรมนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการออกแบบที่ผสานศิลปะชนเผ่าพื้นเมืองของเวียดนามกับแฟชั่นชั้นสูงของปารีสในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้อย่างลงตัวจนได้รับรางวัล World’s Leading Iconic Hotel 2019 จาก World Travel Awards
บุคลิกและการแสดงออกที่เป็น ‘เอกลักษณ์’ กลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เบนสเลย์มองสิ่งรอบตัวต่างออกไปจากคนอื่นและเป็นแรงขับให้เขาก้าวขึ้นเป็นสถาปนิกที่มีความคิดล้ำยุคจนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการสถาปัตยกรรมทั้งไทยและในระดับสากล
เมื่อถามว่าเขาอยากทิ้งมรดกอะไรไว้แทนตัวหรือไม่ คำตอบของเขากลับไม่ใช่การสร้างงานขนาดใหญ่ให้เป็นที่จดจำ “ผมอยากให้ ‘บ้านโบทานิกา’ ที่ผมและคู่ชีวิตของผมสร้างขึ้นมาเป็นมรดกแก่คนรุ่นหลังเพราะที่นี่เป็นเหมือนห้องทดลองความคิดของผลงานทุกชิ้นที่เป็นดีไซน์เบนสเลย์ ผมคิดว่าถ้าเราอยู่ไปจนถึงอายุ 90 เราจะเปิดบ้านให้คนทั่วไปเข้าชมปีละครั้งหรือเดือนละครั้งและถ้าเราไม่อยู่แล้วก็จะเปิดเป็นสถานที่สาธารณะเพื่อให้ดีไซเนอร์หรือสถาปนิกรุ่นใหม่เข้ามาหาแรงบันดาลใจหรือแค่เข้ามาถ่ายรูปลงอินสตาแกรมก็ยังดี ถ้าตอนนั้นยังมีอินสตาแกรมอยู่นะ!”
บ้านโบทานิกาที่เบนสเลย์พูดถึงคือบ้านใจกลางกรุงย่านทองหล่อที่รายล้อมไปด้วยสวนสวยและพรรณไม้นานาชนิด ภายในตกแต่งด้วยของสะสมที่เบนสเลย์และจิระชัย ได้มาจากการเดินทางรอบโลก พวกเขาตั้งใจให้บ้านหลังนี้เป็นทั้งที่พักกายใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่รักการออกแบบ
ไม่ใช่เรื่องเกินไปที่คนในอนาคตจะต้องมาเรียนรู้จากบ้านของบุคคลผู้นำยุคสมัยมาโดยตลอดอย่างเบนสเลย์ เช่น กระแส ‘สถาปัตยกรรมยั่งยืน’ เป็นคำฮิตติดปากไปทั่ววงการสถาปัตยกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่แนวคิดดังกล่าวเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวที่ปรากฏในผลงานของเบนสเลย์ มาเสมอตั้งแต่การสร้าง Shinta Mani Wild ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติคาร์ดามัมในกัมพูชาซึ่งเป็นที่พักอนุรักษ์ธรรมชาติที่เขาเป็นคนต้นคิดทั้งหมด เบนสเลย์บอกว่าผลงานนี้ประกาศความเป็นตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเขาพยายามนำเสนอประสบการณ์เยี่ยมเยือนดินแดนป่าในกัมพูชาของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกาแจ็กเกอลีน เคเนดี้ ในรัชสมัยของกษัตริย์สีหนุ ปี 2510 ออกมาในรูปแบบที่หรูหราผ่านผลงานชิ้นนี้
ทั้งนี้ ชินตา มานี ไวลด์ ถือเป็นที่พักรักษ์สิ่งแวดล้อมในอุดมคติที่เป็นแหล่งสร้างงานแก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมในกัมพูชาภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรสายอนุรักษ์ โดยแขกผู้มาพักสามารถไปดูสัตว์ป่าและเยี่ยมชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ได้โดยรบกวนสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ไม่เท่านั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เบนสเลย์ ได้จัดทำเอกสารชื่อว่า Sensible Sustainable Solutions เพื่อเผยแพร่แนวคิดด้านสถาปัตยกรรมยั่งยืนที่เขาตกผลึกจากประสบการณ์การสร้างโรงแรมรักษ์ธรรมชาติตลอด 35 ปีที่ผ่านมา โดยหวังให้เป็นประโยชน์กับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายใหม่ อาจกล่าวได้ว่าเบนสเลย์มองเห็นความสำคัญของความยั่งยืนมาก่อนที่คำนี้จะฮิตเสียอีก และเช่นเดียวกับอีกหลายกูรู เบนสเลย์เห็นด้วยว่าหลังจากเผชิญกับมหันตภัยโควิด-19 ผู้คนจะให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นกว่าที่เป็นมา
“ผมเชื่อว่าหลังโควิด-19 โรงแรมขนาดเล็กจะได้รับความสนใจมากขึ้นซึ่งจะเน้นการออกแบบให้แขกผู้มาพักมีพื้นที่ส่วนตัวกลางแจ้งเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น นี่คือทิศทางที่ถูกต้องซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง มันน่าตื่นเต้นมากที่ฝันของผมใกล้เป็นจริงเสียที”
ความคิดในหัวเบนสเลย์ล้ำหน้ายุคสมัยอยู่เสมอจนบางครั้งก็ล้ำไปไกลจนกระทั่งผู้จ้างยังตามไม่ทัน อย่างเช่นในผลงานชิ้นล่าสุดที่เขาได้รับการทาบทามจากนายทุนชาวจีนให้สร้างสวนสัตว์พร้อมโรงแรมที่พักจำนวน 200 ห้องซึ่งมีเนื้อที่ใหญ่กว่าเซ็นทรัลปาร์คในนิวยอร์ก ในตอนแรก เบนสเลย์ยังสองจิตสองใจกับการรับงานนี้เพราะมันขัดกับแนวคิดสถาปัตยกรรมยั่งยืนที่เขาเชื่อ อย่างไรก็ตาม เบนสเลย์ก็ยังคงเป็นเบนสเลย์ ดังนั้น หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็เสนอแนวคิดใหม่กลับไปว่าขอสร้างสวนสัตว์แบบกลับด้านโดยแบ่งพื้นที่ร้อยละ 95 ให้เป็นที่อยู่ของสัตว์และพื้นที่เพียงร้อยละ 5 สำหรับแขกผู้เข้าพักเจ้าของโครงการถึงกับทึ่งและตอบตกลงให้เบนสเลย์เดินหน้างานนี้ทันที โดยโครงการ WorldWild China หรือรู้จักกันในชื่อเล่นว่า Luxury Human Zoo มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2567 และอาจกล่าวได้ว่าเป็นโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่เบนสเลย์เคยทำมา
“ผมตระเวนไปตามสวนสัตว์ทั่วประเทศจีนและพบว่าสวนสัตว์ส่วนใหญ่แย่จริงๆ ผมจึงต้องการให้สวนสัตว์นี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ ให้สัตว์ได้วิ่งเล่นและเติบโตอย่างอิสระตามธรรมชาติ และหวังว่าจะช่วยให้ความรู้แก่ชาวจีนนับล้านคนให้ตระหนักถึงผลเสียของการบริโภคสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายด้วย”
ทั้งนี้ สวนสัตว์ เวิลด์ไวลด์ ไชน่า ตั้งอยู่บนเนื้อที่ทั้งหมด 5,000 ไร่ ในมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยโรงแรมที่พัก 7 อาคารและรถไฟนำเที่ยว 4 ขบวนที่จะพาแขกผู้มาเยือนเยี่ยมชมสัตว์ป่าในพื้นที่ ซึ่งในที่สุดแล้ว โครงการนี้ก็คงได้รับการบันทึกไว้ในทำเนียบผลงานชิ้นโบว์แดงฝีมือเบนสเลย์อีกตามเคย
รายชื่อผลงานที่เบนสเลย์ฝากไว้ประดับวงการโรงแรมระดับหรูทั่วไทยและเอเชียนั้นมียาวเหยียดจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการพลิกโฉมธุรกิจโรงแรมและการบริการทั่วเอเชีย-แปซิฟิกให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกด้วยงานสถาปัตย์อันน่าทึ่ง เราถามว่าปัจจุบันนี้ เบนสเลย์ยังกลัวอะไรอีกหรือไม่ เขาตอบว่า “ผมกลัวว่าตัวเองจะหลงเชื่อคำชื่นชมยินดีของคนอื่นจนทำให้คิดว่าดีพอแล้ว ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว”
ชัดเจนว่าสำหรับบิล เบนสเลย์ สถาปนิกระดับตำนานผู้สร้างผลงานโดดเด่นมาได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งเดียวที่เขากลัวก็คือความสำเร็จของตัวเอง ■