SECTION
ABOUTCLIENT VALUES
วิชิต อำนวยรักษ์สกุล นักธุรกิจพิการผู้พลิกจุดด้อย จนนำธุรกิจอสังหาฯ สู่ความสำเร็จ
เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ก่อตั้ง Cube Real Property ที่ไม่ปล่อยให้โรคโปลิโอและเสียงดูแคลนจากบุคคลอื่นมาเป็นอุปสรรคในการเดินตามฝัน
จาก ‘ลูกจีนอพยพ’ ที่เป็นโปลิโอตั้งแต่อายุเพียง 16 เดือน เส้นทางชีวิตของวิชิต อำนวยรักษ์สกุล นักธุรกิจพิการวัย 62 ปี ไม่เคยปล่อยให้ความพิการเป็นข้ออ้างของการทิ้งโอกาส ตรงกันข้าม วิชิตฝึกฝนทักษะการเป็นเจ้าของธุรกิจเต๊นท์รถมือสอง ก่อนก้าวเข้ากุมบังเหียน Cube Real Property ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่ลืมที่จะแบ่งปันสร้างโอกาสให้กับผู้พิการอื่นไปพร้อมๆ กัน
ไม่ยอมรับขีดจำกัด
ผมมาจากครอบครัวฐานะยากจน พ่อแม่มาจากเมืองซัวเถาในจีน ตัวผมเป็นโปลิโอตั้งแต่อายุ 16 เดือน สมัยเด็กๆ ก็ไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ เรียนแค่ถึง ป.1 อาศัยเรียนรู้เองระหว่างที่อาศัยกับพ่อแม่ในเรือที่จอดอยู่แถววัดเลียบ พอโตมาก็เริ่มต้นชีวิตด้วยการไปทำงานกับพี่ชายที่เปิดเต๊นท์ขายรถเล็กๆ คนคิดว่าเราคงทำอะไรไม่ได้มาก ได้แค่คอยรับโทรศัพท์แค่นั้น แต่ผมเป็นคนไม่ยอมรับว่าพิการแล้วจะทำอะไรไม่ได้ เราจึงฝึกดูรถ ฝึกขายรถ จนดูรถเป็น จนถึงจุดหนึ่งก็ออกมาทำเอง
การเปลี่ยนจากอาชีพหนึ่งไปอีกอาชีพหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมันคือธุรกิจเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าคุณต้องจบอะไรมาทั้งนั้น สินค้าทุกตัวคุณสามารถศึกษาได้หมด
สร้างทักษะเฉพาะตัว
ตอนแรกพี่ชายมองว่าเราไม่น่าจะทำอะไรได้ เขาก็ไม่ได้สอนอะไร ดังนั้นเราก็ฝึกด้วยตัวเองเลย เพราะความที่เป็นคนพิการ ไม่มีเวลาจะไปเที่ยว ผมก็เลยใช้เวลาดูรถ ผมก็ใช้เวลาดูรถแบบจริงจัง ไม่ได้ดูผ่านๆ ดูแบบเหมือนถ่ายรูปรถแบบฝังเข้าไปในสมองเราเลย ยี่ห้อนี้แชสซีจะหนาเท่านี้ ลอนจะเป็นแบบนี้ สันจะเป็นแบบนี้ จนตอนหลังรถจอดปุ๊ปก็ดูออกว่ารถคันนี้คว่ำมาหรือไม่คว่ำมา เพราะเราจำได้ว่าความโค้งรุ่นนี้เป็นแบบนี้ ทำอยู่ได้ 10 กว่าปีก็ออกมาเปิดเต๊นท์ขายรถของตัวเอง ทุกคนต้องเติบโต มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ปกติเวลาผมทำงาน ผมความมั่นใจสูงอยู่แล้ว ไม่เคยกลัวอะไร ก็เลยออกมาทำเอง เป็นเจ้าใหญ่ในตลาดชื่อ ‘อำนวยกลการ’ ก็ประสบความสำเร็จมาตลอด
ท้าทายตัวเอง
เราขายรถมานานจนรู้ทางหมด แล้วเราก็ทำสำเร็จมาตลอดจนเบื่อ นึกออกไหม บางทีทำอะไรซ้ำๆ มันก็เบื่อ ขายรถมันไม่มีอะไรตื่นเต้น ลงมาดูปุ๊ปก็รู้ว่าคันนี้ควรจะซื้อเท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ รู้สึกว่าง่ายไป เรารู้สึกว่าทำที่ดินมันมีความท้าทายมากกว่า เพราะว่าที่แต่ละแปลง ทำได้หลายอย่าง ทำให้เราได้คิดตลอดว่าจะทำอะไร ทำแบบไหน มันเป็นความสนุก ถ้าสิ่งที่เราคิดสำเร็จมันสนุก ผมชอบอะไรที่ต้องคิด อะไรที่ไม่ท้าทายไม่ชอบ และทำที่ดินสนุกที่สุด
สำเร็จได้ด้วยศึกษา
สำหรับคนเป็นนักธุรกิจ ธุรกิจไหนก็เหมือนกัน แค่เปลี่ยนตัวสินค้าเฉยๆ การเปลี่ยนจากอาชีพหนึ่งไปอีกอาชีพหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมันคือธุรกิจเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าคุณต้องจบอะไรมาทั้งนั้น สินค้าทุกตัวคุณสามารถศึกษาได้หมด ถ้าทำไม่ได้ แสดงว่าคุณศึกษาไม่ถ่องแท้ ผมไม่เคยทำคอนโด ผมก็สามารถทำคอนโดได้โดยศึกษาก่อน ทุกอย่างศึกษาได้ง่ายตอนนี้มีตำราเยอะแยะ เพื่อนฝูงสอบถามก็มี อย่าไปมองว่าทำธุรกิจหนึ่ง จะทำธุรกิจหนึ่งอีกไม่ได้ คุณจะทำกี่ธุรกิจก็ได้ ถ้าคุณมีพื้นฐานด้านธุรกิจอยู่
พลิกผันเพราะวิกฤต
ทำที่ดินมาเรื่อยๆ จนเจอวิกฤตปี 2540 ตอนนั้นเรามีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดฯ แล้วสมัยก่อนเวลาจะเข้าตลาดฯ จะต้องสต็อกที่ดินเอาไว้ก็เลยซื้อไว้จำนวนมากๆ แต่พอเกิดค่าเงินเปลี่ยนแปลง ธนาคารก็ไม่ให้เบิก ไม่ให้ค่าก่อสร้าง เราก็เลยเป็นหนี้ แล้วของผมเป็นหนี้กับแบงก์ที่ไม่เจ๊ง ซึ่งแปลว่าต้องเคลียร์หนี้ 100% ไม่เหมือนหนี้กับ 56 สถาบันการเงินที่เจ๊ง ซึ่งสามารถเคลียร์หนี้แค่ 30-40% เป็นหนี้หลายร้อยล้าน แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ค่อยๆ เคลียร์ไป
เป็นหนี้ต้องจ่าย
ตอนนั้นถ้ายอมล้มละลายก็จบ แต่ผมไม่ยอมล้มละลาย ผมว่าคนเป็นหนี้ต้องจ่าย สั้นๆ ง่ายๆ ไม่อยากติดค้าง สภาพปี 2540 เหมือนเราอยู่ในถ้ำลึกๆ มองไม่เห็นแสงสว่าง แต่ในใจเราไม่ยอมแพ้ ถึงไม่มีแสงสว่าง แต่ถึงเวลาสู้ก็ต้องสู้ ผมเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไร ถ้าเรายอมรับในสิ่งที่เราเป็น เราคงไม่มีโอกาสโตขึ้นมามีกิจการแบบนี้ได้ ดังนั้น เราก็ค่อยๆ หาอะไรทำมาเคลียร์หนี้ ถึงได้ไปทำเครื่องเสียงยี่ห้อ Leona ได้กำไรจากเครื่องเสียงเท่าไหร่ก็มาเคลียร์หนี้อสังหาฯ แต่ Leona เป็นธุรกิจที่ไม่ใหญ่ เดือนหนึ่งขายแค่สิบกว่าล้าน กำไรก็ 2-3 ล้าน ต้องใช้เวลาเคลียร์หนี้อยู่นานเป็น 10 ปี จนมาคล่องตัวเมื่อปี 2550 กว่าๆ ที่ได้เริ่มทำบ้านเดี่ยว และเริ่มมาทำคอนโดมีเนียมเมื่อปี 2555 ก็ได้ธนาคารเกียรตินาคินนี่แหละช่วยเรื่องเงินกู้ โครงการแรกคือ Cube Real แจ้งวัฒนะ 250 ห้อง
ผมจะชอบนั่งทบทวนตอนกลางคืนว่าวันนี้ปิดการขายได้เพราะอะไร ต้องมาทบทวนว่าจบเพราะคำพูดคำไหน ถ้าลูกค้ารายนี้ไม่จบ ผมก็มาทบทวนว่าผมพลาดอะไร เก็บไว้เป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์ว่าต่อไปเราต้อง
ไม่ผิดพลาดด้วยเรื่องเดียวกันนี้
อ่านกระแส
ต้องบอกว่าคนรุ่นใหม่ เขาไม่อยากอยู่บ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์แล้ว เพราะถ้าอยู่บ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ เสาร์-อาทิตย์คุณต้องไปเป็นแจ๋ว หรือเป็นคนสวน แต่อยู่คอนโดมันสะดวก และไม่ต้องตอบคำถามพ่อแม่ว่าคืนนี้กลับกี่โมง พ่อแม่หลายรายซื้อคอนโดให้ลูกอยู่ในทางผ่านที่จะกลับบ้าน เพราะไหนๆ ถ้าลูกจะต้องอยู่คอนโด ก็ให้อยู่ในเส้นทางที่พ่อแม่ไปหาได้ ไม่อยากให้ไกลหูไกลตา ดังนั้นคอนโดบนเส้นทางไหนที่มีหมู่บ้านอยู่เยอะๆ ยังไงก็ขายได้ พ่อแม่จะซื้อให้ลูกอยู่ อีกกลุ่มหนึ่งที่มาซื้อคอนโด คือคนแก่ ไม่มีแรงที่จะทำงานบ้าน ลูกหลานแยกไป ก็เลยมาซื้อคอนโดอยู่ เพราะฉะนั้นคอนโดเกิดได้ตลอด เราก็เห็นเทรนด์นี้มาชัดเจน อย่างที่บอก ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ คุณต้องมองเทรนด์ได้ ศึกษาได้ว่าสินค้าตัวไหนกำลังจะโต ตัวไหนกำลังจะดับ เพราะสินค้ามีทั้งดับและโต และสมัยนี้เร็วมากที่จะดับและโต ถ้าก้าวไม่ทันก็เจ๊ง
ทำธุรกิจต้องแบ่งปัน
การจะทำธุรกิจ คุณต้องรู้จักคำว่าแบ่งปัน คุณหาซัพพลายเออร์ไม่ยาก ถ้าคุณไม่เอาเปรียบเขา และถ้าเราแบ่งปันให้เขา เขาจะไม่หมกเม็ดเรา คนที่หมกเม็ดคุณแสดงว่าคุณไม่แบ่งปัน คุณเอาเปรียบเขา แต่ตั้งแต่ทำงานมา ผมแบ่งปัน ต่างคนต่างได้ win-win เดี๋ยวนี้ผู้รับเหมาจะเกาะทำงานกับผมไปตลอด เพราะผมต้องการจับมือโตไปด้วยกัน ไม่ใช่หาคนใหม่ไปเรื่อยๆ ผมชอบทำกับใครยาวๆ แล้วคนที่เราจับมือกับเขา เขาจะจับมือเราเอง เขาไม่หนีไปไหน ตอนนี้มีอยู่เจ้าหนึ่งที่ทำกับผม หุ้นส่วนของเขา 3 คน ขี่รถเบนซ์กันหมดเลย ขี่รถดีกว่าผมอีก เพราะเขามีรายได้ที่ดีจากเรา คนจะทำผิดได้ก็ต่อเมื่อไม่มีกิน คนที่อยู่ดีกินดีไม่ทำในสิ่งที่เลวร้าย เราอยู่ได้ก็เพราะลูกน้อง ลูกค้า และซัพพลายเออร์ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรานะ ตัวเราไม่เคยอยู่ได้ เราคนเดียวทำอะไรไม่ได้ เราจึงต้องแบ่งปันให้เขาอยู่ดีกินดีพอสมควร
คิดเพื่อลูกค้า
เวลาเลือกทำเล หลักของผมจะง่ายๆ ข้อแรกต้องเลือกด้วยคุณธรรม และแบ่งปัน ตอนลงทุนทุกโครงการผมจะเป็นคนซื้อที่เองทั้งหมด โดยพิจารณาว่าพื้นที่ตรงนั้นมีศักยภาพที่จะเติบโต ถ้าลูกค้าซื้อไปแล้วขายเขาต้องมีกำไร ถ้าเขาขายต่อไม่ได้กำไร ผมก็จะไม่ซื้อที่นั้นเด็ดขาด เพราะคนที่ซื้อคอนโดส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 5-10 ปีแล้วต้องขายทิ้งเพื่อไปอยู่บ้านหลังใหญ่ขึ้น ข้อสองคือต้องใช้วัสดุที่ดี ถ้าใช้วัสดุที่ดี โครงการจะสภาพดี ขายก็จะมีราคา สีที่ผมทาคอนโดผม 5 ปียังไม่ซีดเลยเพราะคนอื่นใช้สีกระป๋องละพัน ผมใช้สีกระป๋องละ 3 พัน พอไม่โทรม ทำเลดี ลูกค้าขายก็มีกำไร เราก็สบายใจ ผมไม่ต้องเอากำไรมาก เพราะผมไม่ได้เดือดร้อน แล้วจิตใจผมไม่ต้องการแบบนั้นด้วย ผมจะไม่ทำอะไรที่ได้กำไรแล้วเขาเสีย เรากำไรแล้วเขาต้องได้ดีด้วย
เคลื่อนไหวเร็ว
เวลาทำอะไร คิดอะไร ต้องลงมือทันที ตั้งแต่ทำอสังหาฯ มา ผมไม่เคยสนใจเจ้าใหญ่ เพราะชิงลงมือก่อน ยกตัวอย่างที่ดินมีนบุรี มีข่าวว่ามีเจ้าใหญ่จะมาลง ทุกคนถอยหมด ไม่กล้าจะสู้เจ้าใหญ่ แต่โครงการของผมพอวางเงินปุ๊บ ผมใช้เวลา 2 เดือนกว่าเปิดตัวเลย เจ้าใหญ่ยังไม่ขยับตัว แต่ผมขายไปแล้ว และผมเป็นคนชอบทำการตลาดเอง ผมใช้เกมรุกหมด มีกิจกรรมตลอดทุกเดือน เดือนหนึ่งหลายครั้งหลายที่ มีทั้งคาราวาน มีทั้งโชว์ ทำเองหมดไม่มีจ้างข้างนอก ซึ่งเรากล้าทำเพราะสินค้าเราดี
ทุกคนมีจุดแข็งจุดอ่อน
แต่เราควรดึงจุดแข็งมาใช้ อย่างคนปกติก็มีจุดอ่อนเหมือนกันคือความคล่องตัว คนปกติตก 4 โมงเย็นก็คิดว้าวุ่นแล้วว่าวันนี้จะไปไหน แต่คนพิการไปไหนลำบาก คุณก็คิดเรื่องงานไปสิ
งานขายคือหัวใจ
มีประชุมงานขายผมจะเข้าทุกครั้ง เพราะมันเป็นหัวใจของผมมาตั้งแต่สมัยผมยังเป็นเซลส์ขายรถ ผมจะชอบนั่งทบทวนตอนกลางคืนว่าวันนี้ปิดการขายได้เพราะอะไร ต้องมาทบทวนว่าจบเพราะคำพูดคำไหน ถ้าลูกค้ารายนี้ไม่จบ ผมก็มาทบทวนว่าผมพลาดอะไร เก็บไว้เป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์ว่าต่อไปเราต้องไม่ผิดพลาดด้วยเรื่องเดียวกันนี้ นี่คือการเป็นนักขาย ต้องรู้จักทบทวน หรือแม้แต่ทำงานทั่วไป ก็ต้องทบทวนงานที่เราทำ คุณถึงจะประสบความสำเร็จ เหมือนคุณเรียนหนังสือ คุณต้องอ่านซ้ำ ต้องทบทวนความรู้
มองโอกาสในข้อจำกัด
เดี๋ยวนี้ที่ดินแพงมาก แพงจริงๆ คนขายนอนขาย ไม่ได้นั่งขาย ตั้งราคาที่ฉันพอใจ ถ้าเราจะพัฒนา เราต้องคิดในมุมมองที่ยอมรับในการตั้งราคาของเขา เสน่ห์การพัฒนาคือ สินค้าตัวหนึ่ง คนคิดแบบหนึ่งอาจจะไม่ได้กำไร แต่อีกคนอาจคิดแบบมีกำไรก็ได้ เราคิดยังไงให้มันมีกำไรให้ได้ในที่แปลงเดียวกัน หลักสำคัญคือให้ความสำคัญกับตัวสินค้า รูปแบบห้อง บางคนทำห้องหน้าแคบเพื่อให้พื้นที่ขายสูง คนก็เลยไม่ซื้อ แต่เรายอมทำหน้ากว้าง พื้นที่ขายน้อย แต่คนซื้อ คนเดี๋ยวนี้ ถ้าถูกใจ แพงหน่อยเขาก็ซื้อ อย่าเอาแต่ได้อย่างเดียว คิดแต่จะได้อย่างเดียวมีแต่จะเสีย เพราะถ้าสินค้าคุณภาพดี ลูกค้าถูกใจก็จะปากต่อปากเพราะให้ของดีเขา
มีสุขต้องแบ่งปัน
ผมคิดเลยว่า ในอนาคต Cube Real ต้องอยู่ได้โดยไม่มีผม ผมพยายามสร้างพนักงานผมให้เป็นมืออาชีพ ก้าวไปแทนผมได้ในอนาคต ทุกวันนี้ผมทำงานน้อยลงประมาณ 50% ยกเว้นโครงการปันสุข โครงการช่วยเหลือสังคมของ Cube Real ผมจะดูเอง เพราะเป็นความรักส่วนตัวที่อยากจะให้ คือเงินมันเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต ใช้กินข้าว ใช้รักษายามเจ็บป่วย แต่นอกจากนั้นมันไม่มีค่าเลย ผมไม่เคยมีเพชร ทอง เพราะถือว่าเป็นภาระ ไม่รู้จะใส่ไปทำงานทำไม มันคือภาระที่มนุษย์ไปขวนขวายมาให้ตัวเองลำบาก ต้องมาเก็บรักษา ดังนั้นเมื่อเรามีสมควรแล้ว เราก็ควรแบ่งปันให้คนอื่น นอกจากนี้ก็มีงานมูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการที่ผมเข้าไปช่วย
โอกาสที่สร้างได้
มูลนิธิเริ่มก่อตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2537 เรามองว่า คนพิการมีศักยภาพ แต่สิ่งที่เขาขาดคือโอกาส สิ่งที่มูลนิธิเราทำคือสร้างโอกาสให้กับคนพิการ การให้โอกาสคือ ไม่ได้เอาปลาไปให้เขากิน แต่สอนให้เขาตกปลา ตอนแรกผมจะเป็นคนสัมภาษณ์คัดเลือกคนพิการเข้ามูลนิธิเอง เราจะรับปีละ 30 คน โดยจะเลือกคนที่พัฒนาได้ เพราะถ้าเอาคนที่พัฒนาไม่ได้เข้ามาเพราะสงสาร ก็จะทำให้คนที่เหลือเสียโอกาส เราจะสอนคอร์สแรกเป็นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น และสอนคอร์ส 2 เป็นกราฟฟิกดีไซน์ และพอพัฒนาเสร็จ เราก็จะหางานให้เขาทำ ให้เขาไปสร้างตัวเองต่อ แต่บางคนเราหางานให้ไม่ได้ ต้องไปดิ้นรนหางานเอง เขาก็ต้องยอมรับ ผมบอกเด็กว่า เวลาหางานคุณอย่าท้อ คนปกติยังหางานยากเลย คนพิการยิ่งหายากใหญ่ ไม่ใช่คุณไปสัมภาษณ์งาน 5-6 ที่ ไม่ได้คุณก็ท้อ เลิกหาต่อ คุณก็ตกงานแน่ๆ คุณอาจจะได้ที่ๆ 11 หรือ 12 ก็ได้ คุณต้องไม่ท้อ และถ้าได้งาน ผมจะบอกเขาว่าให้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานเฉพาะในสิ่งที่คุณทำไม่ได้จริงๆ อย่าให้เพื่อนร่วมงานช่วยคุณเพราะความสงสาร แต่คุณต้องแสดงความสามารถให้เขาเห็นว่าคุณเป็นพิการ แต่ทำงานได้ไม่แพ้ หรือทำงานได้ดีกว่าคนปกติ ต้องใจสู้ และอดทนมากกว่าคนธรรมดา 2-3 เท่า
ตัวพิการแต่ใจไม่พิการ
เวลาผมไปคุยกับลูกศิษย์คนพิการ ผมบอกเขาเสมอว่า พวกคุณร่างกายพิการ แต่ใจไม่พิการ ทุกคนมีจุดแข็งจุดอ่อน แต่เราควรดึงจุดแข็งมาใช้ อย่างคนปกติก็มีจุดอ่อนเหมือนกันคือความคล่องตัว คนปกติตก 4 โมงเย็นก็คิดว้าวุ่นแล้วว่าวันนี้จะไปไหน แต่คนพิการไปไหนลำบาก คุณก็คิดเรื่องงานไปสิ คิดเรื่องเป็นประโยชน์ คนที่เคลื่อนไหวสะดวกก็พยายามจะไปหาเพื่อน ไปกินกาแฟ คุยโม้ คุณไปไหนไม่ได้ คุณก็นั่งทำงาน คุณจะได้เปรียบเขา เอาปมด้อยเป็นปมเด่น แปรความคิดให้เป็น ในจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง ในจุดแข็งเป็นจุดอ่อน คิดได้อย่างนี้คุณจะไม่เจอข้อจำกัด
■
รู้จักกับ วิชิต อำนวยรักษ์สกุล
วิชิต อำนวยรักษ์สกุล เกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจค้ารถยนต์มือสอง ก่อนเดินหน้าเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2532 พร้อมศึกษาต่อวุฒิบัตรหลักสูตร Mini MBA จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และวุฒิบัตรหลักสูตร กลยุทธ์การบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (RE-CU) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท Cube Real Property ผู้บริหารและพัฒนาโครงการ The Cube Condominium ทั่วกรุงเทพฯ และดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ