ใครที่ได้เห็นมุกข์ลดา สารพืช แบบตัวเป็นๆ นอกสนามแข่งนั้น นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะยามที่สมาชิกทีม A.P. Honda Racing Thailand วัย 24 ปีรายนี้รับโทรศัพท์ เสียงยางเสียดสีกับพื้นถนนและเสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์นั้นจะดังกระหึ่มอยู่เป็นฉากหลังเสมอ และในวันอากาศร้อนระอุในเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ไม่ต่างกัน เธอสวมใส่ชุดนักแข่งเต็มยศกระทั่งในช่วงซ้อม เพียงแต่วันนี้เธอเปลี่ยนจากสนามแข่งอันร้อนอบอ้าวของกรุงเทพฯ มาเป็นทะเลทรายอันร้อนระอุทางใต้ของออสเตรเลียแทน อีกเพียงไม่กี่วัน มุกข์ลดาจะได้ลงแข่งรายการ Asia Road Racing Championship 2018 ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่ทรงเกียรติที่สุดในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา สายตาทุกคู่ของคนในวงการแข่งรถไทยจะจดจ้องไปที่เธอ เพราะเพียงหนึ่งเดือนก่อนหน้า มุกข์ลดาเป็นนักบิดหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์เอเชียในสนามแรก โดยเธอคว้าแชมป์เรซที่สองในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ณ สนามแข่งรถ Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์

เธอดูเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นนักแข่งรถ รูปร่างผอมแบบนักกีฬาของเธอนั้นสมดุลและสามารถแบกรับน้ำหนักรถจักรยานยนต์แข่งหนัก 65 กิโลกรัมได้โดยไม่ถ่วงมันมากเกินไป เธอไว้ผมสั้นเนี้ยบ ซึ่งช่วยให้สวมหมวกกันน็อก ได้โดยกระชับและไม่มีหางม้าสะบัดไปตามแรงลม อันที่จริงรูปลักษณ์ของเธอนั้นเหมาะสมกับกีฬาแข่งรถมากเสียจนเมื่อเธอสวมใส่ชุดแข่งเต็มยศแล้ว คนส่วนมากจะดูไม่ออกว่าเธอเป็นผู้หญิง กระนั้น เธอก็เอาชนะนักบิดชายอย่างไม่ทิ้งฝุ่น “ชุดทำให้ทุกคนดูเหมือนกันหมด หลายคนเลยไม่รู้ว่ามีผู้หญิงลงแข่งในสนามด้วย ในแง่หนึ่งมันก็ช่วยลบอคติที่ว่าผู้หญิงสู้ผู้ชายเรื่องกีฬาไม่ได้ เพราะเราออกมาพิสูจน์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าทำได้” เธอกล่าว

มุกข์ลดาเป็นหนึ่งในนักบิดไทยอีกหลายคนที่ได้ออกไปแข่งขันบนเวทีนานาชาติ แม้จะไม่มีนักบิดไทยคนใดเคยได้ลงแข่งใน MotoGP อย่างเต็มรูปแบบมาก่อน (โมโตจีพีคือรายการแข่งขันอันทรงเกียรติที่สุดในแวดวงนักแข่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีขีดความเร็วสูงสุดถึง 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง) แต่ก็มีแรงผลักดันอย่างมากจากสังกัดนักบิดระดับนานาชาติอย่างเอ.พี.ฮอนด้าให้นักบิดไทยได้ร่วมแข่งโมโตจีพีภายในปี 2025 ด้วยเหตุนี้เอง สนามช้างฯ ในบุรีรัมย์จึงได้รับโอกาสให้เป็นเจ้าภาพการแข่งโมโตจีพีครั้งแรกในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ศึก Moto Grand Prix เป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกที่สำคัญที่สุดของโลก โดยนักบิดจะวาดลวดลายแข่งกันบน 18 สนามแข่งของ 14 ประเทศใน 4 ทวีป และจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วทุกมุมโลก ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของการจัดการแข่งขันดังกล่าว และการเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักบิดรุ่นใหม่เช่นมุกข์ลดา กำลังสร้างความสนใจในชุมชนนักบิดของไทยได้เป็นอย่างดี

“เราถูกชักชวนให้มาเป็นนักแข่งรถตั้งแต่อายุ 13 แล้วก็วนเวียนอยู่ในวงการตั้งแต่นั้นมา จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ชื่นชอบการแข่งรถขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็ตกหลุมรักความรู้สึกอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านยามอยู่บนสนามแข่ง ตอนนี้เรารักทุกอย่างเกี่ยวกับมัน ทั้งความเร็ว เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ” เธอเล่า

เอ.พี.ฮอนด้านั้นให้การสนับสนุนมุกข์ลดาเป็นอย่างมาก โดยทางทีมได้ลงทุนจ้างนักบิดระดับซูเปอร์สตาร์อย่างรัฐภาคย์ วิไลโรจน์มาเป็นครูฝึกให้เธอ ซึ่งช่วยเรียกความมั่นใจให้มุกข์ลดาได้เป็นอย่างดี

เมื่อต้นปีนี้ ทีมเอ.พี.ฮอนด้ายังประกาศจะเดินหน้าสนับสนุนดาวรุ่งวัย 22 ปีอย่างนครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าชิพ นักบิดไทยคนเดียวที่เคยได้ลงแข่งในศึก Moto3 ชิงแชมป์โลก แม้จะยังห่างชั้นกับ โมโตจีพีอยู่สองขั้น แต่รายการแข่งขันดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งในสนามกรังด์ปรีซ์อย่างเป็นทางการ ในขณะที่มุกข์ลดากำลังท้าแดดร้อนระอุของออสเตรเลีย นครินทร์นั้นกำลังเตรียมตัวอยู่อีกซีกโลก ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เพื่อลงแข่งรายการ Red Bull Grand Prix of the Americas

หนุ่มชาวขอนแก่นคนนี้เริ่มหลงใหลในกีฬาแข่งรถตั้งแต่วัยเยาว์ เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มทั่วไป เขาชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับรถและความเร็ว และชอบดูการแข่งรถเป็นพิเศษ “เมื่อก่อนผมมีเพื่อนแก่กว่าคนหนึ่งที่เป็นนักบิด ผมชอบดูเขาแข่งในโทรทัศน์ แล้ววันหนึ่งผมก็ตัดสินใจเอ่ยปากขอให้เขาสอนผม” เขาเล่า

พ่อของเขายังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญ และพาเขาไปดูการแข่งรถที่จัดขึ้นในแถบจังหวัดบ้านเกิดอยู่เรื่อยๆ นครินทร์เริ่มก้าวเข้าสู่วงการแข่งรถเมื่ออายุ 11 ปี ซึ่งไล่เลี่ยกับมุกข์ลดา และตกหลุมรักมันในทันที “สมัยเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ที่คอยดูการแข่งรถจากนอกสนาม ทุกอย่างดูเท่และน่าตื่นตามาก การได้เห็นนักบิดในชุดเต็มยศขึ้นโพเดียมรับรางวัลนั้นเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งรถอย่างผม” นครินทร์เล่า

หนึ่งในความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจที่สุดสำหรับหนุ่มวัย 22 ปีคนนี้ คือการลงแข่งจักรยานยนต์กรังด์ปรีซ์ที่สนาม Brno Circuit ในสาธารณรัฐเช็กเมื่อปี 2016 “ผมใช้ช่วงหยุดพักฤดูกาล 3 สัปดาห์เตรียมตัวอย่างหนักเพื่อลงแข่ง อากาศไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ผมก็ได้พยายามปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมรอบตัวที่เปลี่ยนไปอย่างดีที่สุด” เขากล่าว หนุ่มตัวแทนทีมฮอนด้าคนนี้พุ่งตัวออกจากจุดเริ่มต้นเป็นคนแรก และในช่วงระยะเวลาหนึ่งสามารถไต่ขึ้นไปเป็น 1 ใน 4 นักบิดที่เร็วที่สุดบนสนาม​ ก่อนจะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 10

นั่นเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมสำหรับนักบิดที่อายุน้อยแต่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างเขา แต่แม้ดาวบิดรุ่นเล็กของเอ.พี.ฮอนด้าจะเฉิดฉายแค่ไหน พวกเขาก็ล้วนเก่งได้เพราะครูฝึก โชคดีที่ประเทศไทยมีเหล่านักบิดอาชีพรุ่นใหญ่ที่อยากพาวงการแข่งรถจักรยานยนต์ไทยให้ไปไกลกว่าเดิม แม้พวกเขาจะลาสนามแล้วก็ตาม

ในบรรดานักบิดรุ่นใหญ่ วรพงศ์ มาลาหวล หรือเอ้ ในวัย 31 ปีนั้นเป็นหนึ่งในมือวางอันดับต้นๆ เขาแข่งรถมากว่า 10 ปี แต่เริ่มแข่งจักรยาน BMX ตั้งแต่อายุ 12 ปี เขาเป็นนักบิดมากประสบการณ์คนหนึ่งของประเทศ โดยปัจจุบันเขาเป็นครูฝึกที่เป็นที่เคารพรักมากที่สุดคนหนึ่ง “ผมตกหลุมรักกีฬาแข่งรถตั้งแต่สมัยเด็ก และความรักที่ผมมีก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ในกีฬานี้ไม่มีอะไรถูกต้อง 100% การแข่งรถมันเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งซึ่งกว่าจะเชี่ยวชาญได้ต้องอาศัยการฝึกฝน คุณสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทุกวันเสมอหากพยายาม” เขากล่าว

เขามักพูดคุยอย่างออกรสถึงความทรงจำการแข่งขันรถในอดีต หากถามเขาถึงผลการแข่งขันใน Asia Road Racing Championship 2014 วรพงศ์จะตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ผมทำอันดับได้ดีในช่วงก่อนครึ่งการแข่งขัน แต่ฝนเริ่มตกผมก็เลยร่วงไปอยู่อันดับ 12 แต่พอฝุ่นเพลาลงแล้ว ผมทำเวลาต่อรอบได้น้อยที่สุดในวันนั้น ทุกวันนี้ผมยังเป็นคนไทยคนเดียวที่ทำเวลาได้เช่นนั้นในสนามแข่งรายการใหญ่ๆ” เขาเล่า

วงพงศ์เคยเข้าสังกัดกับทีมต่างๆ ตลอดระยะเวลาการเป็นนักบิดอาชีพของเขา และเป็นตัวแทนของทีม A.P. Honda Racing Thailand ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเขาเป็นผู้จัดงานแข่งรถต่างๆ และทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนให้กับนักบิดชาวกัมพูชาหลายคน วรพงศ์กำลังก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพนักแข่ง โดยเขาได้ลาออกจากทีมเอ.พี.ฮอนด้า และย้ายมาสังกัดทีม Hispeed Racing ของยามาฮ่า นอกจากนี้วันเวลาของเขาในฐานะนักบิดอาชีพนั้นใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว “ถึงเวลาของผมแล้ว อีกสองปีข้างหน้าผมจะเลิกแข่งอาชีพ ไม่ใช่เพราะผมอายุมากขึ้น แต่นี่เป็นเกมของคนที่อายุน้อยกว่า นอกจากว่าคุณจะเก่งติดอันดับโลก แต่ผมก็ยังมีความสุขที่จะแข่งต่อในฐานะมือสมัครเล่น และเป็นครูฝึกให้กับนักบิดรุ่นต่อไปจนประสบความสำเร็จ” เขากล่าว

การเพิ่มจำนวนขึ้นของสนามแข่งอย่างสนามช้างฯ ทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ที่สนใจในกีฬาแข่งรถได้เข้ามาลองสนามได้ง่ายขึ้น ขณะที่ต้นสังกัดอย่างเอ.พี.ฮอนด้า นั้นได้เปิดสถาบัน A.P. Honda Academy เพื่อช่วยฝึกและเตรียมความพร้อมให้กับนักบิดพรสวรรค์ของไทยรุ่นต่อไป โรงเรียนนี้จะช่วยพานักบิดไฟแรงให้ไต่อันดับภูมิภาค และกระทั่งขึ้นไปสู่อันดับโลกหากมีพรสวรรค์พอ สำหรับมุกข์ลดาแล้ว ยิ่งเริ่มฝึกตอนอายุน้อยเท่าไรยิ่งดี “ในต่างประเทศ เด็กอายุแค่ 4 ขวบก็เริ่มฝึกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กที่หัดแข่งรถในวัยนี้คือการสนับสนุนในขั้นต้นจากผู้ปกครอง ซึ่งหลายครั้งอาจเป็นการยากเมื่อพวกเขาคิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น” เธอกล่าว

“ถ้าจะให้พูดอย่างหนึ่งกับเด็กๆ ที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักบิดมืออาชีพในประเทศไทย ผมจะบอกว่าอย่ารอให้โอกาสเข้ามาหาเรา แต่จงเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นไปสู่จุดมุ่งหมายของตัวเอง วงการกีฬานี้ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกเยอะ และคนรุ่นใหม่จะเป็นกำลังสำคัญ” นครินทร์พูดเสริม

นอกจากนี้ หลายคนยังตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันโมโตจีพีที่กำลังจะมาถึง และกลุ่มนักบิดรุ่นใหม่ผู้มากความสามารถ จะส่งผลอย่างไรต่อวงการกีฬาของประเทศ วรพงศ์กล่าวว่าอุตสาหกรรมจักรยานยนต์จะเปลี่ยนไป โดยบริษัทใหญ่ๆ จะผลิตสินค้าที่จำลองรูปลักษณ์และสัมผัสของจักรยานยนต์แข่งแบบที่แฟนๆ เห็นบนสนาม นั่นหมายความว่าจะมีซูเปอร์ไบค์ออกมาวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นไปได้ว่าโมโตจีพีจะช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศด้วย

แวดวงบิ๊กไบค์ในบ้านเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไปมาก นับตั้งแต่ผู้ผลิตจักรยานยนต์ระดับโลกเริ่มเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาจักรยานยนต์หลายรุ่นที่เป็นที่ปรารถนานั้นลดลงและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม ความนิยมของการแข่งขันจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่กำลังเพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์คล้ายๆ กันในแวดวงกีฬา และยิ่งมีจำนวนสนามแข่งและรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูงเพิ่มขึ้นเท่าใด ประเทศไทยก็จะยิ่งมีนักกีฬาอย่างนครินทร์และมุกข์ลดาไปเฉิดฉายบนเวทีโลกมากขึ้นเท่านั้น เอ.พี.ฮอนด้าได้ตั้งเป้าหมายที่จะพานักบิดสัญชาติไทยไปแข่งโมโตจีพีในระดับนานาชาติในปี 2025 และเมื่อถึงเวลาที่เหล่านักบิดมือฉกาจระดับโลกมารวมตัวกันที่สนามช้างฯ ในเดือนตุลาคมนี้ เป็นไปได้ว่าอาจจะมี ‘ว่าที่’ นักบิดในอนาคตนั่งปะปนอยู่ในกองเชียร์ขอบสนามด้วย ■