SECTION
ABOUTINVESTMENT REVIEW
Asset allocation ยังใช้ได้อยู่หรือไม่
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่การลงทุนมีความผันผวนค่อนข้างมาก เมื่อมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อสูง นำไปสู่ความกังวลเรื่องธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวหรือถดถอย ผลตอบแทนของสินทรัพย์เกือบจะแทบทุกชนิดจึงปรับตัวลดลง (อาจจะยกเว้นเพียงสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ปรับขึ้นตามราคาพลังงานและปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ)
ปีนี้จึงกลายเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับการลงทุนแบบจัดสรรเงินลงทุน หรือ asset allocation ที่มีการจัดสรรเงินลงทุนไปในสินทรัพย์หลายๆ ชนิด เพื่อประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยง
ปกติแล้วผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นกู้หรือพันธบัตร มักจะแปรผกผันกับผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น และมักจะช่วยลดความผันผวนของการลงทุนโดยรวมได้
แต่ในปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนของพันธบัตรปรับเพิ่มสูงขึ้นมากจากระดับที่ต่ำมากก่อนหน้านี้ เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น จนทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ถือว่าปลอดภัยและมีความผันผวนต่ำกลับมีผลตอบแทนติดลบและแย่ที่สุดปีหนึ่งในรอบเกือบร้อยปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ในปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนของพันธบัตรปรับเพิ่มสูงขึ้นมากจากระดับที่ต่ำมากก่อนหน้านี้ เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น จนทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ถือว่าปลอดภัยและมีความผันผวนต่ำกลับมีผลตอบแทนติดลบ และแย่ที่สุดปีหนึ่งในรอบเกือบร้อยปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังทำให้เป็นปีที่แย่ที่สุดปีหนึ่งในรอบหลายสิบปีของพอร์ตการลงทุนที่มีหุ้น 50% และมีพันธบัตร 50% เพราะหุ้นก็เหวี่ยง ผลตอบแทนของพันธบัตรก็ติดลบ
นี่หมายถึงว่าพอร์ตการลงทุนแบบจัดสรรเงินลงทุน ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นพอร์ตที่ช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว และยืดหยุ่นในการปรับรูปแบบของการลงทุนให้เหมาะกับเป้าหมายในการลงทุนและระดับความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละคน กำลังหมดสิ้นมนต์ขลัง และไม่น่าสนใจแล้วหรือไม่?
คงตอบได้ว่าไม่ใช่ เพราะในอดีตภาวะแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับขึ้น จากช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากๆ
จริงอยู่ที่ในช่วงกว่าสี่สิบปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงมาตลอด จนเหลือใกล้ศูนย์ในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา จนคนคิดว่า ดอกเบี้ยคงจะอยู่ต่ำเตี้ยไปอีกนาน ทำให้การลงทุนทั้งตราสารหนี้และหุ้นได้รับผลประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง และดีเกินจริงเป็นเวลานาน
อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นตามแนวโน้มของธนาคารกลางทั่วโลกที่สู้กับเงินเฟ้อ แม้ว่าจะทำให้มูลค่าตลาดของตราสารหนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก แต่ก็ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนใหม่ในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ จากผลตอบแทนที่สูงขึ้น
นักลงทุนจึงอาจจะควรเริ่มมองหากองทุนหรือหุ้นกู้ระยะสั้นและปานกลางที่มีผลตอบแทนที่เหมาะสมก่อนและเมื่อเริ่มมีสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวชัดเจนขึ้น ควรจะเลือกซื้อตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น เพื่อเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหากเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และคงท่าทีระมัดระวังต่อการลงทุนในหุ้นต่อไป
นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย เพราะถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารกลางคงต้องหวนกลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และการลงทุนในตราสารหนี้จะกลับมามีคุณค่าอีกครั้ง แม้ว่าหุ้นอาจจะมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ
แต่ก็มีความความเสี่ยงสำคัญคือสถานการณ์ที่เกิดภาวะ stagflation ที่แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อค้างสูง ทำให้ธนาคารกลางไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วได้
นักลงทุนจึงอาจจะควรเริ่มมองหากองทุนหรือหุ้นกู้ระยะสั้นและปานกลางที่มีผลตอบแทนที่เหมาะสมก่อน และเมื่อเริ่มมีสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวชัดเจนขึ้น ควรจะเลือกซื้อตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น เพื่อเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหากเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และคงท่าทีระมัดระวังต่อการลงทุนในหุ้นต่อไป อย่างน้อยจนกระทั่งเราเห็นธนาคารกลางเริ่มกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก
ผมยังเชื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ asset allocation ยังเป็นการลงทุนที่เหมาะสมและยืดหยุ่นกับการลงทุนในระยะยาวอยู่ แม้ว่าจะเจอกับความท้าทายอย่างหนักในปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็เป็นกลยุทธ์และกรอบการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์มาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ก็ต้องมีการปรับน้ำหนักในการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และมุมมองในการลงทุนด้วย ■