HOME ISSUE

SECTION

ABOUT

INVESTMENT REVIEW


เมื่อการลงทุนในกระเป๋าถือหรือตัวต่อเลโก้ให้ผลตอบแทนชนะตลาดหุ้น

จับตาการลงทุนทางเลือกกับ ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

ถ้าว่ากันตามหลัก เศรษฐศาสตร์ ของเหล่านี้มีลักษณะพิเศษ คือเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ (หรือคุณค่าด้านอื่น) สูง ปริมาณของมีอยู่อย่างจํากัด ผลิตเพิ่มไม่ได้แล้ว มีกลุ่มคนที่นิยมชมชอบเป็นจํานวนมาก

           ในตอนที่แล้ว เราพูดกันถึงการลงทุน
ทางเลือก เช่นการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ 
การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 
การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 
การลงทุนในตราสารต่างๆ หรือการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ อย่างเฮดจ์ฟันด์ เป็นต้น ซึ่ง
ถือเป็น ‘การลงทุนทางเลือก’ ในสินทรัพย์ทางการเงินนอกเหนือจากการลงทุนในหุ้น
กับพันธบัตรหรือหุ้นกู้

     แต่ยังมี ‘การลงทุนทางเลือก’ อื่นๆ อีกที่อาจจะไม่ใช่การลงทุนใน ‘สินทรัพย์ทางการเงิน’ ที่เรารู้จักกันทั่วไป และอาจจะไม่มีการซื้อขายในตลาดการเงินที่เรารู้จักกันดี อีกทั้งยังอาจจะไม่ได้มีสภาพคล่องที่ซื้อขายไถ่ถอนกันได้ทุกวันอย่างสินทรัพย์ทางการเงินทั่วๆ ไป แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว (ถ้านักลงทุนเข้าใจและเลือกลงทุนได้ถูกต้อง) แม้ผลตอบแทนนั้นจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่ก็อาจจะไม่ได้แปรผันไปกับผลตอบแทนของตลาดมากนัก ทำให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปด้วย

     ผมกำลังพูดถึงการลงทุนเฉพาะในของใช้ ของเล่นและของสะสมต่างๆ ที่นักลงทุนนอกจากจะต้องมีความชอบในของเหล่านั้นเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ยังต้องมีความรู้ความเข้าใจในตลาดและมูลค่า และกล้าเสี่ยงไปกับของเหล่านั้นด้วย หลายคนสามารถทำกำไรจากการลงทุนได้ในอัตราที่สูงมากโดยการหาสินค้าที่อาจจะยังไม่ได้รับความนิยม แต่มีศักยภาพที่ดีและเก็บรักษาไว้รอเวลาให้มูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต และในระหว่างที่รอนี้ก็ได้ครอบครองสิ่งของที่มีมูลค่าทางจิตใจ (หรือได้รับประโยชน์จากการใช้ของเหล่านี้) ไปด้วย
     การลงทุนประเภทนี้ได้แก่ การลงทุนในกระเป๋าถือ นาฬิกา ตัวต่อเลโก้ (Lego) ไวน์ ภาพวาด ตุ๊กตาของเล่นหายาก พรม เหรียญ แสตมป์ แผ่นเสียง รถยนต์หรือจักรยาน
คลาสสิกหายากต่างๆ หรือแม้กระทั่งพระเครื่องซึ่งฟังดูอาจจะไม่เหมือนการลงทุน แต่สำหรับใครหลายคน นี่คือการลงทุนชั้นยอด 
ที่สามารถหาผลตอบแทนได้พร้อมๆ กับได้รับความสุขจากการศึกษา ติดตาม และการ
ครอบครองของเหล่านี้อยู่ในมือ

     ถ้าว่ากันตามหลักเศรษฐศาสตร์ ของ
เหล่านี้มีลักษณะพิเศษ คือเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ (หรือคุณค่าด้านอื่น) สูง ปริมาณของมีอยู่อย่างจำกัด ผลิตเพิ่มไม่ได้แล้ว 
มีกลุ่มคนที่นิยมชมชอบเป็นจำนวนมาก 
เมื่อระดับรายได้ของคนทั่วไปเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อโลกเชื่อมต่อกันมากขึ้น ความต้องการของเหล่านี้ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ด้วยปริมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ราคาของเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเงินเฟ้อ และอาจจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ
     อย่างไรก็ดี การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง นอกจากความผันผวนของราคาและสภาพคล่องที่อาจจะมีจำกัดแล้ว การลงทุนในสิ่งของเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงจากคุณภาพของสินค้าที่อาจจะลดลงจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม
หรือมีความเสี่ยงจากถูกการปลอมแปลงได้ ทำให้ต้นทุนของการลงทุนอาจค่อนข้างสูงสำหรับใครหลายคน

     การลงทุนลักษณะนี้มีสิ่งของหลายประเภทที่มีการจัดการการลงทุนกันเป็นล่ำเป็นสัน มีการทำบทวิเคราะห์ ให้คำแนะนำ ติดตามการเคลื่อนไหวของราคา มีการจัดการลงทุนเป็นลักษณะกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงไปในสินค้าหลายๆชิ้น

สําหรับคนไม่ชอบดื่มไวน์ ไม่ชอบถือกระเป๋า ตัวต่อเลโก้ ของเล่นยอดนิยมในวัยเด็กของหลายคน ก็อาจกลายเป็นการลงทุนชั้นยอดได้ เพราะมีการผลิตแต่ละรุ่นที่จํากัดและไม่ผลิตเพิ่มอีก ของเล่นบางชุดที่เปิดตัวที่ราคาร้อยหรือสองร้อยเหรียญเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอาจจะขายกันหลายพันเหรียญในปัจจุบัน บางชุดราคาเป็นหมื่นเหรียญก็มี

     ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในไวน์ราคาแพงที่ราคาเพิ่มขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมๆ กับรายได้ที่สูงขึ้นของคนในเอเชีย 
ไวน์หลายขวดราคาแพงขนาดจับต้องไม่ได้หรือนึกไม่ออกว่าใครจะซื้อมาดื่มกัน แต่สำหรับคนที่ชอบและสนใจ นอกจากไวน์จะเป็นเครื่องดื่มจากสวรรค์แล้ว ยังเป็นโอกาสการลงทุนชั้นยอด หลายคนชอบที่จะอ่านบทวิเคราะห์ของนักชิมไวน์ที่ไปทดสอบไวน์ตั้งแต่ก่อนบรรจุลงขวด สั่งไวน์ไปเก็บไว้ยังที่เก็บในที่ต่างๆ ของโลกและบ่มเพาะไวน์ให้พัฒนาคุณภาพเต็มศักยภาพของมันก่อนที่จะขายทำกำไร (ถ้าไม่เผลอไปเอามาดื่มหมดเสียก่อน)      การลงทุนในไวน์ทุกวันนี้ทำได้สะดวกมากขึ้น บางคนสามารถเปิดบัญชีทางออนไลน์ 
สั่งไวน์ที่ตัวเองชอบไปเก็บในโกดังที่มีต้นทุนการเก็บและภาษีต่ำ นานๆ ก็บินไปหยิบกลับมาดื่มบ้าง และคอยนั่งดูราคาไวน์ที่มีการเก็บข้อมูลกันแบบจริงจัง [ตัวอย่าง http://bit.ly/1Lk67Da] แน่นอนครับ ราคาบางขวดอาจจะขึ้นเอาชนะตลาดหุ้นได้หลายเท่า ในขณะที่บางขวดราคาอาจจะไม่ค่อยขึ้นหรือแม้แต่ลดลง
จนต้องรีบเปิดมาดื่มแก้กลุ้มก็มีครับ ถ้าใครต้องการกระจายความเสี่ยงมากๆ ก็มีกองทุนที่ลงทุนในไวน์ และมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการเหมือนกองทุนหุ้นเลยทีเดียว      ถ้าคุณผู้ชายลงทุนในไวน์ได้ คุณผู้หญิงหลายคนก็บอกเหมือนกันว่า การซื้อกระเป๋ามาเก็บเอาไว้ (และเปิดแอร์ให้กระเป๋าอยู่) ก็น่าจะถือเป็นการลงทุนได้เหมือนกัน หลายคนคงเคยเห็นที่มีการแชร์กันเยอะๆ ว่า ราคากระเป๋า Hermès Birkin ที่ฟังราคาแล้วแทบเป็นลม ปรับขึ้นมาเฉลี่ยปีละ 14.2% ในช่วงเกือบ
30 ปีที่ผ่านมา [http://bit.ly/1mWXGcH] 
เรียกว่า เอาชนะผลตอบแทนของตลาดหุ้นไปแบบไม่เห็นฝุ่น และคุณผู้หญิงหลายคนใช้เป็นเหตุผลในการซื้อกระเป๋าเพิ่มกันเลยทีเดียว

     สำหรับคนไม่ชอบดื่มไวน์ ไม่ชอบถือกระเป๋า ตัวต่อเลโก้ ของเล่นยอดนิยมในวัยเด็กของหลายคน ก็อาจกลายเป็นการลงทุนชั้นยอดได้ เพราะมีการผลิตแต่ละรุ่นที่จำกัดและไม่ผลิตเพิ่มอีก ของเล่นบางชุดที่เปิดตัวที่ราคาร้อยหรือสองร้อยเหรียญเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอาจจะขายกันหลายพันเหรียญในปัจจุบัน บางชุดราคาเป็นหมื่นเหรียญก็มี (แต่ระวังเด็กๆ ที่บ้านไว้หน่อยนะครับ เพราะราคาจะตกอย่างมากถ้ากล่องถูกเปิดออกนะครับ) [http://on.mash.to/2mzG1sx]

     คนที่มีของสะสมคงใช้เวลาในการชื่นชม เก็บรักษาและศึกษาเรื่องราวไปไม่น้อย 
จนสามารถเล่าเรื่องพวกนี้กันได้เป็นวันๆ คงเป็นการดีถ้าสามารถเปลี่ยนความรู้และความสุขในการใช้เวลากับสิ่งของที่มีมูลค่าทางใจให้เป็นการลงทุนได้ แต่อย่าลืมนะครับ การลงทุนทางเลือกประเภทนี้ก็เหมือนการลงทุนอื่นๆ 
คือ มีความเสี่ยงด้านต่างๆ ดังนั้นควรศึกษาและทำความเข้าใจผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการลงทุนเสมอ และเราควรดูสัดส่วนของการลงทุนประเภทนี้ในพอร์ตการลงทุนรวมของเราให้เหมาะสม และไม่ให้เกินระดับการรับความเสี่ยงที่เรารับได้ด้วยนะครับ

     ผมว่าความเสี่ยงสำคัญประการหนึ่งของการลงทุนประเภทนี้คือ เราจะห้ามใจไม่ไหวเปิดการลงทุนของเรามาดื่ม หยิบการลงทุนของเรามาถือโดยลืมทะนุถนอม แกะการลงทุนของเรามาเล่น หรือผูกพันกับ ‘การลงทุน’ มากจนตัดใจขายไม่ลงน่ะสิครับ